Monday, June 9, 2014

เพื่อนบ้าน

หลังจากย้ายมาอยู่อพาทเมนท์ในเมืองได้สักพัก ผมก็เริ่มออกสำรวจละแวกบ้านว่ามีอะไรบ้าง
ทั้งสิ่งที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต ร้านของชำ ร้านซักผ้า และ ร้านอาหารราคาประหยัดต่างๆ รวมถึงเส้นทางการเดินไปทำงาน ซึ่งทำให้ผมสังเกตเห็นว่าทุกๆเช้าช่วงเวลาประมาณ 9.00 - 9.30 ถ้าผมออกจากอพาทเมนท์และเดินไปทำงานในช่วงเวลานั้น ผมมักจะเห็นลุงฝรั่งคนหนึ่งจูงหมาออกมาเดินเล่นในตอนเช้าเสมอ และเวลาเดินผ่านกันลุงแกก็มักจะยิ้มให้และกล่าวทักทายอย่างอารมณ์ดีเสมอ

หลังจากอาทิตย์นึงผ่านไปกับการกล่าวทักทายกันทุกเช้า ผมจึงเดาได้ว่าลุงแกคงอาศัยอยู่แถวนี้ละมั้ง และก็เป็นจริงแบบที่ผมคิด ลุงแกอาศัยอยู่อพาทเมนท์ข้างๆตึกที่ผมอยู่นี่เอง ผมเจอลุงขณะที่แกกำลังไขกุญแจเปิดประตูรั้ว

"อรุณสวัสดิ์ครับ" ผมกล่าวทักทายตามปกติ

"อรุณสวัสดิ์ๆ" ลุงแกกล่าวทักทายอย่างอารมณ์ดี

"เธอเพิ่งย้ายมาอยู่แถวนี้หรือ ยินดีต้อนรับนะ ฉันชื่อเจฟ แล้วเธอล่ะชื่ออะไร"

"ผมตอยครับ"

"ยินดีที่ได้รู้จักนะตอย โชคดีล่ะ"

"ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันครับ" ผมยิ้มรับก่อนเดินไปทำงาน

นอกไปจากนี้สิ่งที่ทำให้ผมจำลุงเจฟได้ดีก็คือ ลุงเจฟมีหมาชื่อมิสเตอร์ทอบบี้

มิสเตอร์ทอบบี้เป็นหมาพันธุ์  อเมริกัน ค๊อกเกอร์ สแปเนียล ซึ่งน่าจะมีอายุมากแล้ว ผมสังเกตุจากแววตาที่ดูขุ่นมัวแต่ยังแฝงความกระตือรือล้นอยู่ มิสเตอร์ทอบบี้มีขนสีน้ำตาลผสมเทาซึ่งถ้าดูไกลๆจะเหมือนพรมเช็ดเท้าเปียกๆเลอะโคลนที่ปล่อยให้แห้งพอหมาดๆบนบันได ก่อนจะเอาน้ำยาปรับผ้านุ่มราดลงไปแล้วจึงผึ่งให้แห้งสนิท หรือพูดได้อีกอย่างว่า ขนของมิสเตอร์ทอบบี้แม้จะดูสกปรก แต่ก็สะอาดและนุ่มมาก

"ลูบหัวมันได้นะ มิสเตอร์ทอบบี้เขาชอบ" ลุงเจฟอนุญาต


ผมก้มลงไปลูบหัวมิสเตอร์ทอบบี้ก่อนจะเอื้อมมือไปที่หูมัน ผมน่ะชอบเกาหลังหูให้หมาเพราะรู้ว่ามันชอบ และผมก็ชอบเพราะรู้ว่ามันชอบ

"โอ้ แต่อย่าไปจับหูมันนะ เดี๋ยวหูมันจะหลุดน่ะ" ลุงเจฟสำทับขึ้นมา

ผมชะงักพร้อมหยุดมือที่เกือบจะถึงหูมิสเตอร์ทอบบี้อยู่รอมร่อแล้ว มิสเตอร์ทอบบี้หันมาดมมือผมและเลียจมูกมันเอง ผมไม่แน่ใจว่าหูของมิสเตอร์ทอบบี้อยู่ตรงไหนเพราะมันดูเหมือนกันไปหมด ก้อนสีเทาที่เหมือนพรมเช็กเท้าส่งแววตาดำขลับจ้องตอบมาที่ผม เหมือนมันกำลังรอว่าผมจะเล่นกับมันยังไง ผมจึงหันไปตบพุงมันเบาๆแทน มิสเตอร์ทอบบี้เอาคางเกยเข่าผมและหลับตา เหมือนอยากให้ผมเกาต่อไปเรื่อยๆ ผมลูบหัวมิสเตอร์ทอบบี้อย่างระมัดระวังก่อนจะลุกขึ้นยืน

"เอาล่ะ ผมไปทำงานแล้วนะลุงเจฟ" ผมกล่าวจบบทสนทนาช่วงเช้ากับลุงเจฟ

"โอเค โชคดีนะตอย" ลุงเจฟโบกมือให้ผมขณะที่มิสเตอร์ทอบบี้ก็กระดิกหางให้

ผมโบกมือลาลุงเจฟก่อนจะเดินไปทำงาน

ลุงเจฟแม้จะชรามากแล้ว แต่แกยังนิยมการเดินเล่นอยู่เสมอ ความเร็วในการเดินของลุงเจฟช้ามาก ช้าประมาณว่าถ้าผมเดินออกมาจากอพาทเมนท์แล้วเจอแกเดินอยู่ข้างหน้าตึกพอดี ผมสามารถกล่าวทักทายแก และคุยเล่นกับมิสเตอร์ทอบบี้ ก่อนจะค่อยๆเดินเลือกเพลงในไอพอดแล้วข้ามถนนไปซื่อของที่ร้านหัวมุมของบล๊อกถัดไป แล้ววกกลับมาทางเดิม ผมจะยังสามารถกล่าวทักทายแกทันอีกรอบก่อนแกจะเลี้ยวพ้นมุมถนนไป

เราทักทายกันเป็นประจำทุกเช้า ผมสังเกตุว่าลุงเจฟเป็นที่ชื่นชอบของคนละแวกบ้านผม เห็นได้จากการกล่าวทักทายทุกคนที่แกเจอในตอนเช้าด้วยสีหน้ายิ่มแย้ม และคนเหล่านั้นก็ทักทายลุงเจฟตอบ  บางครั้งผมเห็นคนแถวนั้นจูงมิสเตอร์ทอบบี้ไปเดินเล่น หนุ่มบ้าง สาวบ้างตามแต่โอกาส ผมคิดว่าลุงเจฟคงเป็นที่รักของคนแถวนี้พอควร ผู้คนที่อยู่อาศัยตึกเดียวกับแกหรืออยู่แถวนั้นจึงเป็นมิตรกับลุงเจฟและยินดีให้การช่วยเหลือยามที่ลุงเจฟไม่สะดวก และลุงเจฟเป็นเพือนกับเจ๊

เจ๊เป็นฝรั่งร่างไม่สุงนัก ใบหน้าได้รูป จมูกโด่งเป็นลำ ผมยาวสลวยสีทองซึ่งเจ๊แกชอบมัดไว้บ่อยๆ ถึงแม้เจ๊จะมีอายุแต่ก็ยังดูออกว่าสมัยรุ่นๆ เจ๊คงดูดีไม่น้อย แต่สิ่งที่เป็นจุดเด่นน่าจะเป็นนัยน์ตาสีฟ้าที่เป็นประกายแต่แฝงไว้ด้วยความเศร้าสร้อย

ผมพบเจ๊ตั้งแต่ช่วงแรกๆที่มาอยูที่อพาทเมนท์แห่งนี้ เจ๊ยืนสูบบุหรี่อยุ่หน้าตึก ผมลงไปซักผ้า
เราได้แต่มองกันไปมองกันมาไม่ได้ทักทายอะไรกันมากนัก จนมีวันนึงผมหิ้วตะกร้าผ้ากลับมาจากร้านซักผ้าที่อยุ่เยื้องหัวมุมตรงข้ามถนนที่ผมอยู่
ผมเห็นเจ๊นั่งอยู่ที่บันไดหน้าตึก สูบบุหรี่อยู่เงียบๆคนเดียว และสายตาเราสบกัน
ผมคิดในใจว่า เอาน่ะ รู้จักกันไว้ก็ไม่น่าจะเสียหายอะไรเพราะเราก็อาศัยอยู่ที่ตึกเดียวกัน
ผมเดินเข้าไปหาเจ๊แล้ววางตะกร้าผ้าลงข้างตัว จากนั้นผมกล่าวแนะนำตัวกับเจ๊
เจ๊ยื่นมือให้ผมจับ มือของเจ๊นุ่มมาก แกเล่าว่าแกอาศัยอยู่ที่ตึกนี้มานานแล้ว
บทสนทนาวันนั้นไม่มีอะไรมากไปกว่าการแนะนำตัวและเจ๊ให้ผมเรียกแกว่าเจ๊
เสื้อเชิ้ตแขนยาวลายหมากรุกตัวโคร่ง กับผมหางม้าที่กวัดแกว่ง
แววตาเจ๊ดูเศร้าสร้อยเหมือนมีเรื่องราวในอดีตที่คอยฉุดรั้งความสุขของแกไปเสมอ
บางครั้งเหมือนแกต้องการคนคุยด้วยหรือคนปลอบใจ คนที่จะคอยรับฟังเรื่องราวของอดีตที่ผ่านมา

ถ้ามีใครสักคนคอยรับฟังแกก็คงดี ซึ่งผมไม่อาจทำเช่นนั้นได้
บทสนทนาของเราจึงเป็นแค่เรื่องสั้นๆ ทักทายถามไถ่กันเรื่องลมฟ้าอากาศหรือน้ำยาปรับผ้านุ่มชนิดไหน ที่ดีต่อผิวและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

เจ๊เป็นคนสูบบุหรี่จัดมาก ผมมักจะพบเจ๊ขณะที่แกคีบบุหรี่อยู่หน้าตึกเสมอ แม้บุหรี่จะไม่ดีต่อสุขภาพแต่ผมเชื่อว่าเจ๊แกก็คงรู้ดีอยู่แล้ว ผมจึงไม่ไปก้าวก่ายเรื่องการรักษาสุขภาพของแก หรือจริงๆแล้วแกอาจไม่ต้องการสุขภาพที่แข็งแรงยืนยาวก็เป็นได้ จะมีประโยชน์อะไรหรือหากเราสามารถอยุ่ได้ยาวนานแต่เพียงคนเดียว

บางทีบุหรี่อาจเป็นสิ่งที่ทำให้แกสามารถระบายความรู้สึกที่อยู่ภายในลึกๆออกมาได้แรงๆก็ได้

เหตุการณ์ก็ดำเนินไปอย่างปกติจนถึงเดือนมิถุนายน
วันนั้นเป็นวันอาทิตย์ปลายเดือนที่อากาศกำลังดี แดดจัด ลมไม่หนาวเหมาะแก่การซักผ้ายิ่งนัก
ผมจีงจัดการหิ้วตะกร้าผ้าลงมาและเดินไปที่ร้านซักผ้าฝั่งตรงข้าม
ผมไม่เจอเจ๊ยืนดูดบุหรี่อยู่หน้าตึก จะว่าไปผมไม่เห็นเจ๊มา 2-3 วันแล้ว
เมื่อผมซักผ้าเสร็จผมจึงเดินข้ามถนนกลับไปที่ตึก ผมเห็นคนกลุ่มนึงแต่งตัวชะเวิบชะวาบเดินสวนมา อาจจะด้วยอากาศที่ร้อนกำลังดี เสื้อแจ๊คเกตจึงกลายเป็นสิ่งที่ไม่จำเป้นสำหรับวันนี้ เสื้อเกาะอกแสนสั้นกับกระโปรงเหนือเข่าจึงเหมาะกับแดดของบ่ายวันอาทิตย์ซะมากกว่า และผมสีชมพู บ้างเขียวและบ้างทอที่ผสมกากเพชรสะท้อนเป็นประกายยิ่งทำให้เตะตาผู้คนที่เดินผ่านไปมาอย่างยิ่ง

ผมไม่กล้ามองมากเพราะเกรงจะเสียมารยาท จึงหลบสายตาและเดินเบี่ยงไปทางด้านข้าง และตอนนั้นเองที่ผมได้ยินเสียงเรียก

"ประหลาดใจไหมจ๊ะ" เสียงนั้นคุ้นหูผมมาก เป็นเสียงที่ผมเคยได้ยินมาหลายครั้ง

ผมหันกลับไปดูปรากฏว่าเป็นเจ๊

เจ๊ที่ปกติจะใส่เสื้อเชิ้ตลายสก๊อตแขนยาวตัวโคร่งเสมอ แต่มาวันนี้เจ๊อยู่ในชุดเกาะอกรัดรูป ชุดนั้นรัดแน่นจนเนินอกที่อวบอิ่มของเจ๊แทบจะทะลักออกมา กระโปรงที่สั้นซะจนไม่อาจจะกั้นลมหนาวที่ไหลผ่านได้ และถุงน่องลายตาข่ายที่ถักกันเป้นเหมือนใยแมงมุมที่ไม่สามารถดักแมลงได้สักตัว
ผมไม่รู้มาก่อนว่าเจ๊จะซ่อนรูปขนาดนี้  ถึงแม้การแต่งตัวของเจ๊จะผิดไปจากทุกวันทำให้ภาพลักษณืที่ผมมองเจ๊ว่าเป็นคนสุภาพเรียบร้อย ถูกบิดเบี้ยวและวาดขึ้นใหม่ไปอย่างสิ้นเชิง ผมไม่รู้ว่าสิ่งไหนคือตัวตนของเจ๊ ผมรู้แค่ว่า วันนี้ดูเจ๊มีความสุขและเริงร่าเป็นพิเศษ แล้วผมมีสิทธิอะไรที่จะไปตัดสินตัวตนของคนอื่นได้จากรูปลักษณ์ภายนอก ถ้าเจ๊มีความสุขและไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อนนั่นก็เป็นเรื่องที่ดีแล้วไม่ใช่หรือ

เจ๊ยิ้มและสบตาให้ผม

ผมยิ้มและโบกมือทักทายให้เจ๊ก่อนจะเดินต่อไปตามทาง ผมหิ้วตะกร้าผ้าเดินเข้าไปในตึก และขณะที่ผมกำลังหยิบกุญแจจะไขเข้าไปในห้อง

ผมก็นึกอะไรบางอย่างออก

ก็วันนี้มันวัน SF pride นี่หว่า



ปล. เจ๊ชื่อเต็มว่า เจสัน
ปล.2 ลุงเจฟกับเจ๊สนิทกันมาก ถึงขนาดด่ากันว่า เย็ดแม่ง ในบทสนทนาได้อย่างลื่นไหล

No comments:

Post a Comment