Monday, December 30, 2013

แทกซี่ 1


ผมเรียกแทกซี่คันนึงกลับบ้านตามปกติ แทกซี่คันนี้ผมเห็นเขาตอนเลี้ยวเข้าซอยมาส่งผู้โดยสารแล้ว
พอขากลับเขาขับออกมาก่อนผมจะเดินไปถึงวินมอไซค์ เลยบังเอิญได้ขึ้นคันนี้
ผมเปิดประตูบอกจุดหมาย ก่อนจะรอคำตอบรับว่าจะไปหรือไม่จากพี่คนขับ
ซึ่งนี่เป็นนิสัยที่เคยชินของผม ว่าจะเปิดประตูค้างแล้วรอฟังว่าคนขับจะไปหรือไม่จะได้ไม่เสียอารมณ์มาก
"ป่ะ พี่อาสาไปส่ง" พี่คนขับตอบรับ
นอกจากคำตอบรับที่ไม่คุ้นหูแล้ว น้ำเสียงพี่เขายังฟังดูสงบอยู่ด้วย
" น้องช่วยบอกทางนิดนึงนะ ปกติพี่วิ่งแถวรังสิตไม่ค่อยได้เข้ากรุงเทพฯ"
"ได้ครับ เดี๋ยวพี่ออกจากซอยแล้วหาที่ยูเทิร์นเลยนะครับ" ผมบอกคนขับก่อนจะนั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อย
ตั้งแต่กลับมาจากอเมริกาได้ปีนึง ชีวิตยังดูเรื่อยเปื่อยลุ่มๆดอนๆ หลายเรื่องให้พะว้าพะวง
เหมือนยังหาหลักไม่เจอว่าจะทำอะไรต่อไป เรื่อยไปถึงหรือว่าเราจะไปบวชดี
" ถึงแยกแล้วไปทางไหนต่อครับ" เสียงพี่คนขับดึงผมออกจากภวัง
" วิ่งตรงยาวไปจนถึงอโศกเลยครับ" ผมตอบ
" โอเคครับ ผมรู้แค่ทางหลักๆน่ะ ไม่ค่อยได้วิ่งข้างในเท่าไหร่"
" ปกติพี่วิ่งแต่รังสิตหรอครับ"
" ใช่พี่วิ่งแถวรังสิต ปทุม ลำลูกกา แถวๆนี้ล่ะมันวนๆกันไป นานๆจะได้อาสาเข้ามาในกรุงเทพสักหน่อย"
" อ่อ หรอครับ" ในใจผมคิดว่าพี่น่าจะไปขับรถตู้นะ 
" แล้วน้องเคยไป ฟิวเจอร์รังสิต หรือดรีมเวิลด์ไหม"
" โอ้ นานมากแล้วพี่ ดรีมเวิลด์นี่ห้าหกเจ็ดแปดปีแล้วมั้งครับที่เคยไป"
" อ้อหรอ เมื่อก่อนพี่ก็ทำที่ดรีมเวิลด์เนี่ยล่ะ เลี้ยวซ้ายนี่ผ่านตลอดใช่ไหม"
" ใช่ครับ เลี้ยวได้เลยแต่มันจะติดพวกรถที่มาซ้อนเลนเยอะหน่อย แล้วพี่ทำอะไรหรอครับ"
" พี่เพนท์ไอ้เรือไวกิ้งนี่ล่ะ เขาซื้อของมือสองมาแล้วพี่เพนท์ให้เหมือนใหม่ เพนท์ไม้เป็นไม้"
น่าสนใจไม่น้อย ผมคิดเลยถามต่อ
" แล้วตอนนี้พี่ไม่ทำแล้วหรอครับ"
" พี่พอแล้ว อิ่มแล้ว"
" อิ่มแล้ว"
" พี่อิ่มทางงานนี้ เงินทองไม่ใช่สิ่งสำคัญต่อไป เหมือนเราจบปริญญาตรีแล้วซึ่งก็คือทางโลก พี่เลยเริ่มปริญญาโทซึ่งก็คือทางธรรมต่อไป"
" พี่ไปบวชอยู่นานแล้วก็เริ่มออกธุดงค์ ศึกษาสิ่งที่เรียกว่าจักรวาลจิต"
" จักรวาลจิตหรอครับ" 
" ใช่ จักรวาลจิต จิตน่ะมันเกิดขึ้นเร็วมาก วูบแวบแล้วก็ดับไป พี่เลยเรียกว่าจักรวาลจิต เปรียบเหมือนผ้าขาวถ้าเปื้อนน้ำมัน. เปื้อนซีอิ๊ว เราจะชำระล้างให้มันสะอาดก็ต้องใช้วิธีการที่ต่างกัน สติจึงเป็นสิ่งสำคัญ และถ้าจิตสามารถเกิดขึ้นเพิ่มขึ้นได้ ดังนั้นสมาธิเองก็ต้องเกิดเพิ่มขึ้นได้ ยิ่งสมาธิมากเราก็ยิ่งควบคุมจิตได้"
ถึงตอนนี้รถถึงจุดหมายแล้ว แต่บทสนทนายังไม่จบผมเลยนั่งในรถคุยต่อกับพี่เขาอีกสักหน่อย
ก่อนจากพี่เขาฝากให้ว่าถ้าสนใจลองเข้าคอมพิวเตอร์แล้วหาคำนี้มาศึกษาต่อดู "พุทธวจน"
ความบังเอิญอาจเป็นลิขิตชีวิตก็ได้ที่คนมาเจอกัน

Wednesday, November 20, 2013

ชีวิตฟรีแลนซ์

กลับมาได้ปีกว่า ไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่างาน freelance ประปราย
แต่ยิ่งทำยิ่งรู้สึกหมดไฟ งานที่ทำส่วนมากเป็นเกม แต่กลายเป็นงานชิ้นที่รู้สึกสนุกกับมันมากที่สุด
คืองานที่ทำเป็น sculpture
คงถึงเวลาที่จะนั่งคิดและจัดการชีวิตต่ออีกทีละมั้ง
แต่ก่อนอื่น ขอเคลียร์จ๊อบเหล่านี้ให้เสร็จไปก่อนละกัน
:P

Monday, October 14, 2013

ช้าง

พอดีกับต้มยำกุ้ง2เข้าพอดี เลยทำช้างขึ้นมา...
ไม่ใช่ละ!
เอาเป็นว่าทำช้างไปใช้ในเกมนี่ละ

 ช่วงเริ่มทำแรกๆ จะยังดูไม่ค่อยเหมือนช้างเท่าไหร่

 จากนั้นก็ตบๆปรับๆเพนท์ๆให้ดูเป็นช้าง

เสร็จ

Wednesday, October 9, 2013

สำเพ็ง

ไปสำเพ็งเมื่อวันอาทิตย์ ได้ไททัน(ก๊อป)มา 1 ตัว


Tuesday, October 1, 2013

Muay Thai sculpture

Just a gig that I got recently.
I designed a 3D sculpture for 3D print, then they will make a large size of it.
It will be a decorative sculpture for some Muay Thai exhibition.
It's still in progress, will see how it goes.







Wednesday, August 7, 2013

Samurai


ความเคยชิน

หลายครั้งที่ความเคยชินทำให้เราลืมตัว
ความเคยชินต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เมื่อไปอยุ่ในต่างที่ต่างเวลาต่างกาลเทศะ
สิ่งที่เราปฏิบัติจนชินนั้น อาจจะไม่ได้รับการยอมรับจากสังคมส่วนใหญ่ก็ได้
โดยเฉพาะถ้าเรื่องนั้น เราปฏิบัติฝ่าฝืนกฏกันจนชินแล้ว

เรื่องนี้นึกย้อนไปถึงสมัยยังเรียนที่คณะสถาปัตย์
ที่คณะเราไม่ได้มีกฏเข้มงวดเรื่องการแต่งกายเท่าไหร่นัก (ในสมั้ยนั้นนะ ปัจจุบันนี่ไม่แน่ใจ)
อาจจะมีกฏที่เข้าใจกันภายในว่า ปีหนึ่ง นิสิตชายใส่เชิ้ตขาว กางเกงดำ ไทด์ไม่ต้องผูกก็ได้
จากนั้นปีสองขึ้นไปก็ขอให้แต่งตัวสุภาพก็พอ ไม่ใช่ลากแตะมาเรียน ไอ้นั่นก็เกินไป
ด้วยเหตุนี้ทำให้บางครั้ง เด็กอุเทนฯเข้าใจผิดว่าเป็นช่างกลและลากมาตีนานๆครั้ง
เวลาไปคณะคนภายนอกจึงอาจจะแยกไม่ออกว่าคนไหนนิสิต คนไหนคนนอก
คนในคณะส่วนมากจะดูกันเองออกว่าคนไหนคนนอก แต่มีขโมยมาเนียนๆบ้างก็เยอะ
เหตุการณ์ก็ดำเนินไปตามปกติ จนเทอมนึงต้องไปสอบวิชานอกที่คณะครุศาสตร์
วันสอบก็ไม่ได้คิดอะไร แต่งตัวตามปกติ เสื้อเชิ้ต กางเกงยีนส์ขาดที่เข่า 2 ข้าง
พอไปถึงนั่งที่สอบรวมกับนิสิตคณะอื่นๆ อาจารย์ที่คุมสอบเดินตรงเข้ามาถามทันทีว่า
"นิสิตครับ ทำไมถึงแต่งตัวไม่สุภาพใส่เกงเกงยีนส์มาสอบ"
วินาทีนั้น สมองแล่นไหลไปอ่านคู่มือนิสิตที่ได้รับเมื่อตอนปีหนึ่งทันทีว่า
ตามกฏแล้วนิสิตต้องแต่งกายสุภาพ ถูกระเบียบของมหาวิทยาลัย
แต่นาทีนั้นทำอะไรไม่ได้แล้ว เลยตอบออกไปว่า
"เมื่อวานฝนตกหนัก กางเกงผมยังไม่แห้งครับ เหลือแค่ตัวนี้ตัวเดียว" พร้อมตีหน้าเศร้า (เล่าความเท็จ)
ซึ่งโชคดีว่าเมื่อวานเย็นฝนตกหนักจริงๆ รวมถึงตอนสอบด้วย อาจารย์ท่านนั้นเลยปล่อยผ่านไป
ขณะที่กำลังโล่งใจกับความโชคดีของตัวเองอยู่นั้น ก็หันไปเห็นไอ้ใหม่
ไอ้ใหม่กำลังเดินลงมาหาที่นั่งสอบในชุดโปโลสีดำ และอาจารย์คุมสอบกำลังเดินเข้าไปหามัน
แม่ง มาจากคณะเดียวกันจริงๆ...

Monday, August 5, 2013

มิต้า


The Bat

โลโก้หมาน้อยชิวาว่าที่เหมือนโดเบอร์แมนตัวเล็กๆซะมากกว่า
คอนเซปมาจากชื่อหมาเลยคือแบทแมน เนื่องจากดูแล้วมันเหมือนแบทแมน แต่จะใช้แบทแมนเลยมันดูเป็นมุขภายในไป เลยคิดต่อว่างั้นเน้นที่แบท ค้างคาว พอค้างคาวก็นึกถึงแดรกคูล่า เลยลองออกแบบให้ลายบนตัวเหมือน ปกเสื้อคลุมตั้งๆของแดรกคูล่าแบบคลาสสิก ก็ออกแบบไปเรื่อยแล้วเรื่องชื่อก็เอาความเป็นหมามาเล่นกับคำเลยเป็น dogcula ไอเดียชื่อผสมนี้เอามาจากการ์ตูนที่ดูตอนเด็กเรื่อง Duckula ตัวเอกเป็นเป็ดที่เป็นแดรกคูล่าเลยชื่อว่า ดั๊กคูล่า ที่มาก็เป็นดังนี้เอง
ตอนแรกตั้งใจว่าจะใช้เป็นแบรนด์ของเคสมือถือที่ทำ ก็ทำไปได้ส่วนนึงนะแต่ตอนนี้หยุดไปยาวเลย ส่วนที่เห็นเป็นแบบตั้งแต่แรกๆ จนมาถึง Dogcula หลังๆแล้วต่อยอดเพิ่มไปอีกชั้นเป็น The Bat ซึ่งทำเล่นๆ
งานที่มันทำตามใจเราเองนี่มันยังไงก็สนุกกว่างานที่จ้างทำเสมอนะ



กัสเซตต้า เดลโล่ สปอร์ต

นั่งทำเล่นเมื่อเช้านี้ เป็นทีมบอลในวินนิ่งที่ทำขึ้นมาแข่งกับพี่ น้อง และเพื่อนพี่
อะไรที่มันทำเล่นๆนี่มันสนุกกว่างานจริงๆทุกทีเลย


Monday, July 29, 2013

Poker face

เรื่องนี้เกิดขึ้นที่เมือง Antioch รัฐ California เวลาประมาณตีสอง
ผมอยู่ที่บ้านเพื่อนในห้องที่แสนอบอุ่นนอกเมือง
เรานั่งดื่ม คุย และเล่นหยอกล้อกันสนุกสนาน แน่นอนว่าเวลาที่คุณมีความสุข เวลามักจะไหลไปอย่างไม่รู้ตัว รู้ตัวอีกทีเวลาก็ผ่านมาแล้วหลายชั่วโมง และคืนนี้ผมดื่มมากไปละ
เพื่อนผมมีนิสัยการนอนที่แปลก ผมจึงต้องกลับเร็วกว่าปกติทั้งที่ยังมึนๆอยู่ ผมรู้สึกเกรงใจกว่าที่จะขอพักสักครู่ให้หายมึน และคิดว่าเขาเองอาจจะเอาแต่ใจไปหน่อยหรืออาจจะเมาจนไม่ทันสังเกตว่าผมเองก็มึนอยู่เช่นกัน
แต่ช่างเถอะ บางครั้งไอ้เรื่องลำบากเล็กๆน้อยๆแบบนี้ มักจะทำให้คุณรู้สึกดีกับเรื่องอื่นๆไม่ใช่รึ ผมคิดว่าถ้าพักสักชั่วโมงผมน่าจะหายมึนพอที่จะขับรถกลับบ้านได้
เวลาสนุกที่ผ่านไปอย่างรวดเร็วตอนที่ผมกำลังดื่มนั้น  กลับเคลื่อนตัวอย่างอ้อยอิ่งตั้งแต่ผมก้าวออกมาจากบ้านเพื่อน  ตรงที่ผมจอดรถนั้นเป็นวงเวียนสำหรับวนรถ ผมอาศัยแสงจากเสาไฟเพียงต้นเดียวที่อยู่กลางวงเวียนคลำทางไปที่รถ หยิบกุญแจออกมา เปิดประตูรถและนั่งที่เบาะหลัง ด้วยความที่มันยังมืดอยู่และผมอยู่ในย่านที่ไม่ค่อยคุ้น ผมเลยเอาหนังสือพิมพ์และเสื้อสเวตเตอร์ที่เบาะหลังมาคลุมตัวผมไว้
ผมรุ้สึกไม่ค่อยปลอดภัย เลยจะคลุมตัวไว้ไม่ใครเห็นว่าเป็นไอ้หนุ่มคนหนึ่งที่นั่งมึนๆอยู่ในรถเพื่อสร่างเมา
ผมนอนไม่หลับ จะว่าไปไอ้การที่ต้องนอนอยู่ที่เบาะหลังเน่าๆแข็งๆในความมืดมันก็ไม่ชวนให้หลับอยู่แล้ว ยิ่งนั่งผมก็ยิ่งฟุ้งซ่านคิดไปต่างๆนาๆว่า ถ้ามีตำรวจขับผ่านมาผมจะตอบว่าอย่างไรดี หรือถ้ามีคนเมาขับรถมาชนล่ะ แล้วถ้า...
เดี๋ยวนะ...
ผมได้ยินเสียงฝีเท้าไกลๆจากข้างหน้าผม เสียงนั้นกำลังใกล้เข้ามา ใกล้ขนาดที่ผมสามารถได้ยินเสียงก้อนกรวดที่โดนเหยียบค่อยๆชัดขึ้นๆ เสียงนั้นใกล้เข้ามาและหยุดเป็นช่วงๆ
ผม สงสัยว่าทำไมเสียงฝีเท้าจึงดังๆหยุดๆเป็นช่วงๆ จนคิดขึ้นมาได้ว่าอาจจะเป็นใครสักคนวางแผนที่จะขโมยรถอยู่แน่ๆ เสียงที่หยุดนั้นอาจเป็นไปได้ว่าเขาอาจจะสำรวจดูรถอยุ่ก็เป็นได้ ผมจำไม่ได้ว่ามีรถที่จอดอยู่กี่คันแต่ผมนับได้แค่สามตอนที่เขามายืนอยู่ข้าง หน้าต่างรถผม
ผมตัวแข็งฉับพลัน
ระยะห่างระหว่างเขาและผมนั้นไม่น่าจะเกินช่วงเอื้อมมือ มีเพียงรถเท่านั้นที่กั้นผมและเขาไว้ ผมนอนหลบอยู่ที่เบาะหลังใต้กองหนังสือพิมพ์และเสื้อสเวตเตอร์พยายามทำตัวให้ไม่เป็นที่สังเกต ไม่ขยับเหมือนเป็นสิ่งไม่มีชีวิต
ฉัน เห็น นะ
มันเป็นเสียงของชายวัยกลางคนอายุราวๆ 40 ที่พยายามบีบเสียงให้เหมือนเด็ก
ความรู้สึกเหมือนตอนคุณเล่นซ่อนหากับเพื่อน แล้วเพื่อนพยายามหลอกให้คุณออกมาจากที่ซ่อน นั่นเป็นน้ำสียงที่เขากำลังทำอยู่ หลอกผมให้ออกมาติดกับ เพื่อที่จะดูว่าไอ้ที่อยุ่ในรถน่ะมันคนหรือว่าแค่กองหนังสือพิมพ์
ผมไม่กล้าที่จะขยับตัวหรือแม้แต่จะแอบมองที่กระจก ผมนอนนิ่งทำตัวเป็นก้อนอะไรสักก้อนหนึ่ง
ร่างกายผมเริ่มตอบสนองโดยหายใจช้าลงจนผมแทบจะไม่รู้สึกอะไร ตาผมจ้องไปแค่ที่เบาะตรงหน้าไม่กล้าที่จะมองไปที่อื่น ไม่แม้แต่ขยับหรือกระพริบตา ร่างกายผมสั่นตุบๆตามจังหวะการเต้นของหัวใจ
เขาเดินวนรอบรถ หูผมไม่ได้ฝาด ผมได้ยินเสียงฝีเท้าอยู่ ผมแทบจะรู้สึกได้ว่าผมเป็นส่วนหนึ่งของรถ ผมรู้สึกว่าเขากำลังจับกระโปรงรถและลองกดดูเพื่อทดสอบว่ามีสัญญาณกันขโมยหรือไม่ หรือไม่ก็กำลังทดสอบผม
ขณะที่ผมกำลังชั่งใจอยู่ว่าจะสู้หรือจะหนีดี จะทำวิธีไหนให้เสี่ยงน้อยที่สุดและหวังว่าเขาน่าจะไม่เห็นผมหรอกแค่ขู่ดูเท่านั้น
เขาเริ่มเดินวนรอบรถอีกครั้ง คราวนี้ที่เปิดประตูรถด้านขวาของผมกระตุก เขากำลังดึงมันอยู่
ฉัน เห็นนนนนนน แกกกกกก นะ
น้ำเสียงแบบเดิม แต่หนักกว่าเดิม เหมือนเขาเชื่อว่าจะทำให้ไอ้ที่อยู่ใต้กองหนังสือพิมพ์ขยับและเห็นผม
ร่างกายผมเกร็งราวกับวัวที่รอโดนเชือด
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เสียงเหมือนโลหะสัมผัสกับกระจก ถ้าคุณเอาเหรียญมาเคาะกับกระจกล่ะก็ นั่นละ เสียงนั้นเลย
เหล็ก ชาร์ป มีด หิน หรือปืนนะ ตาผมยังจับอยู่ที่เบาะข้างหน้าไม่แม้แต่จะเหลือบมอง ผมคลุมตัวมิดชิดขนาดที่ผมไม่สามารถเห็นอะไรรอบตัวได้นอกจากเบาะที่อยู่ตรง หน้าเท่านั้น ผมรู้ว่าผมไม่เห็นเขา แต่รู้สึกได้ว่าสายตาของเขากำลังจับผมอยู่
“ ฉันชื่อโป๊กเกอร์เฟซ นะ แล้วแกล่ะ ชื่ออะไร “
คราวนี้น้ำเสียงเปลี่ยนไป เป็นโทนต่ำและจริงจังขึ้น ผมนึกภาพว่าเจ้าของเสียงนั้นต้องไม่ใช่คน
ผมพร้อมที่จะตายแล้ว จะโดนยิงที่หัว หรือถูกแทงจนพรุน อะไรก็ได้แค่ทำให้ผมไม่ต้องทรมานมากก็พอ
ผมไม่รู้ว่าควรจะทำยังไง สติเริ่มเลือนราง ผมนึกภาพว่าเพื่อนผมตื่นขึ้นมาตอนเช้าเพื่อที่จะเจอร่างของผมที่โชกเลือดห้อยอยู่บนประตูรถ
ตอนนั้นเองที่ผมไม่ได้ยินเสียงอะไรนอกจากเสียงเต้นของหัวใจผมเอง ตอนนี้ไอ้นั่นมันกำลังทำอะไรอยู่นะ ยังจ้องผมอยู๋รึเปล่า
เวลาแทบจะหยุดนิ่ง เสียงฝีเท้าค่อยๆเลือนหายไป ขอบคุณพระเจ้าที่เขาไปเสียที ผมรออยู่ชั่วโมงนึงจนแสงอาทิตย์เริ่มเรือง จากนั้นจึงรีบขับรถกลับบ้านทั้งที่ตายังค้างและยังไม่สร่างดี

* แปลจาก reddit โดย user awriternamedwilliams
** http://www.reddit.com/r/LetsNotMeet/comments/1j598q/poker_face/


Saturday, July 27, 2013

วินมอเตอร์ไซค์

แถวบ้านผมมีวินมอเตอร์ไซค์
ซึ่งกิจกรรมหลักของวินนี้ไม่ใช่การส่งวิน
แต่เป็นการทอยฝาเบียร์ ง่ายๆคือเหมือนเปตองแต่ใช้ฝาเบียร์แทน
วิธีการเล่นคือแข่งกันโยนว่าใครใกล้ที่หมายมากกว่ากัน โดยกำหนดให้ร่องถนนเป็นเส้นชัย
ในแต่ละรอบจะมีทั้งวินมอไซค์กับชาวบ้านแถวนั้นร่วมเล่น
สนนราคาคนละ10บาท ใครชนะเหมาหมด ง่ายๆคือตานึงถ้ามือแม่นๆได้ทีละ4-50 บาทเลยทีเดียว
กิจกรรมนี้ได้รับความนิยมมาก ดึกดื่น3-4ทุ่มจะมีเสียงเฮให้ได้ยินเป็นระยะ
นอกจากนี้ช่วงเวลาไหนคนน้อย จะสามารถพบเห็นวินมอไซค์บรรจงซ้อมทอยฝาเบียร์คนเดียวอีกด้วย
ความสุขนี่มันหาได้รอบตัวจริงๆ

Wednesday, July 10, 2013

อิสระที่คุณเลือกได้

บนถนนพระรามเก้าในยามค่ำที่ฝนกำลังตกพรำๆ การจราจรที่หนาแน่นทำให้รถพอเคลื่อนตัวได้เป็นระยะๆ ขณะที่รถกำลังติดอยู่นั้น ข้างหน้าผมมีชายฉกรรจ์คนหนึ่งลงมาจากรถบรรทุกขนคนงานที่อยู่เลนตรงข้าม ชายคนนั้นเดินไปที่กรวยสองสามอันที่คาดว่าตำรวจจราจรน่าจะเอามาวางไว้ เพราะมักจะมีรถจากเลนนั้นลักไก่แอบเลี้ยวกลับรถเป็นประจำ ท่ามกลางสายฝนที่โปรยปราย ชายฉกรรจ์เดินไปหยิบกรวยสองสามอันนั้นออก ก่อนที่จะเดินกลับขึ้นรถแล้วเลี้ยวยูเทิร์นออกมาอีกฝั่งอย่างสบายใจ
ขณะที่ผมยังนั่งอึ้งกับสิ่งที่ชายคนนั้นทำ พลันเสียงในหัวก็แว่วขึ้นมาว่า
แหกกฏเกณฑ์อันซ้ำซากจำเจ สร้างทางเลือกใหม่ในแบบของคุณ และนี่คืออิสระที่คุณเลือกได้
เจริญ...
ปล. แน่นอนว่าหลังจากนั้นเมื่อมีผู้กล้าคนแรกแหกไป ก็มีผู้กล้าตามแหกกันมาเป็นพรวน

Monday, July 8, 2013

งาน

นี่เป็นงานที่ทำอยู่ช่วงนี้
ตอนนี้ไม่ได้ทำอะไรนอกจากฟรีแลนซ์
จะทำฟรีแลนซ์ต่อหรือทำงานประจำดีนะ
อืมม


Bookcat


Friday, June 14, 2013

Hot Chocolate 2: ร้านกาแฟ

ผมยังคงนั่งอยู่ที่เดิม ปล่อยให้ความคิดไหลไปเรื่อยๆก่อนที่จะดึงสติกลับมา

ตอนนี้มันกี่โมงแล้วนะ ผมคิดพลางเหลือบดูนาฬิกาข้อมือแบบพลาสติกสีน้ำเงิน

เลขดิจิตอลบนแผงหน้านาฬิกาบอกเวลาว่า ขณะนี้เป็นเวลาเที่ยงครึ่ง

แม้จะเลยเวลาเที่ยงไปไม่นาน ผู้คนในร้านก็ไม่มากมายนัก

แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีเลย ยังคงมีผู้คนสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันเข้ามาเรื่อยๆ

เปล่า พวกเขาไม่ได้เข้ามากินกาแฟหรอก เพียงแต่ร้านกาแฟแห่งนี้ขายอาหารด้วย

หรือถ้าจะพูดให้ถูก น่าจะเรียกว่าเป็นร้านขายอาหารที่ขายกาแฟจะดีกว่า

เนื่องจากถ้าเทียบสัดส่วนจริงๆแล้ว บริเวณที่ขายกาแฟนั้น น่าจะเรียกว่ามุมมากกว่าร้าน

ด้วยพื้นที่ขนาด 5 x 5 ตร.ม.นั้นเล็กเกินกว่าจะทำอะไรได้มาก นอกจากนั่งดื่มกาแฟ...


ใช่ นั่งดื่มกาแฟ

ถ้าลองคิดดู คุณต้องการพื้นที่แค่ไหนเพื่อใช้ในการดื่มกาแฟ

อาจจะแค่พื้นที่ตรงหน้าคุณแค่หยิบมือเดียว ก็เพียงพอแล้วที่จะวางถ้วยกาแฟ

กลับกัน ถ้าคุณไปกินอาหารนอกบ้าน พื้นที่ที่จำเป็นต้องใช้นั้นเรียกได้ว่าไม่แน่นอน

ขึ้นกับอาหารที่กิน ไม่ว่าจะเป็นอาหารจานเดียว อาหารแบบกับหรืออาหารแบบหมู่คณะ

การกินอาหารนั้นใช้พื้นที่มากมาย รวมถึงพื้นที่ในกระเพาะของคุณด้วย

เอาละ ก่อนที่เรื่องมันจะเตลิดไปมากกว่านี้ ผมควรที่จะดึงความคิดกลับมาได้แล้ว

แม้ผู้คนในร้านอาหารแห่งนี้จะมีจำนวนไม่น้อย

แต่คนที่มานั่งดื่มกาแฟที่(มุม)ร้านกาแฟนี้มีแค่หยิบมือเดียว

นับจำนวนคร่าวๆก็มีแค่ 3 คนเท่านั้นเอง คือ ผม พี่ชายร้านกาแฟ และแมวน้ำที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่

ทีนี้ถ้าตัดเจ้าของร้านกาแฟซึ่งก็คือพี่ชายร้านกาแฟออกไป

ก็จะเหลือลูกค้าแค่ 2 คนเท่านั้น คือ ผม กับแมวน้ำ

ใช่ ผมกับแมวน้ำ

เดี๋ยวสิ... แมวน้ำหรอ

ผมเหลือบไปมองทางขวามือของตัวเองให้แน่ใจอีกครั้งว่าคนที่นั่งอยู่ถัดจากผมไป 2 ที่นั่งคือแมวน้ำ

แมวน้ำจะมานั่งทำอะไรในร้านกาแฟ ผมคิดพลางสำรวจทางสายตาอีกรอบ

ถ้ามองดูดีๆแล้ว สิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้านั้นคือแมวน้ำไม่ผิดแน่

ไม่ว่าจะหน้าที่แหลมออกมาแถมมีหนวดกับลำตัวที่ดูเผินๆเหมือนพินโบว์ลิ่ง

ผิดแต่ว่า แมวน้ำที่ผมเห็นนี้ใส่สูทและหมวกทรงคุณลุงพร้อมทั้งนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่อย่างสบายใจ

ผมเริ่มรู้สึกว่าต้องมีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นแน่ แต่ถ้าลองมาคิดดูดีๆแมวน้ำก็ถือเป็นสัตว์ประจำเมืองของเมืองนี้นี่นา

ด้วยภูมิประเทศที่ติดทะเล ทำให้เมืองที่ผมอยู่นี้มีท่าเรือมากมาย แน่นอนคุณย่อมจะพบสัตว์ทะเลได้ง่ายดาย

จึงเป็นธรรมดาที่จะพบแมวน้ำได้ทั่วไปตาม ชายหาด ทะเล ท่าเรือ และ ร้านกาแฟ

ใช่ ร้านกาแฟ...


ใช่หรอวะ ผมสบถในใจแต่เหมือนแมวน้ำจะสังเกตอาการกระสับกระส่ายของผมได้

"วันนี้อากาศดีนะครับ" แมวน้ำเอ่ยปาก

"อ้า ครับ อากาศดี" ผมเพิ่งรู้ว่าแมวน้ำพูดได้ก็วันนี้เนี่ยละ

"น่าเสียดายนะครับที่พรุ่งนี้ฝนจะตก อากาศเมืองนี้ก็อย่างนี้แหละครับ" แมวน้ำเปิดฉากสนทนาตามมารยาท

ผมเคยอ่านเจอว่าสัตว์จะมีประสาทรับรู้บางเรื่องดีกว่ามนุษย์ รวมถึงเรื่องนี้ด้วยละมั้ง

ผมนิ่งเงียบด้วยไม่รู้ว่าจะถามอะไร ถ้าจะถามว่าชอบกินปลาชนิดไหน

ก็ดูจะเป็นการเสียมารยาทสำหรับคนที่เพิ่งเจอกันครั้งแรก

"คุณชอบเมืองนี้ไหม" แมวน้ำถามพลางพลิกหน้าหนังสือพิมพ์

"ชอบครับ ผมชอบเมืองที่อากาศดีไม่หนาวไม่ร้อนเกินไป" ผมตอบ

"เหมือนผมเลย" แมวน้ำชูคอพร้อมยิ้มกว้าง

"ผมน่ะ ชอบวันที่อากาศดีมากๆเลย ยิ่งวันไหนที่แดดออกนะ ผมนอนได้ทั้งวัน"

ไม่ผิดแน่ ข้อความเมื่อกี้เป็นการยืนยันว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้าผมคือแมวน้ำแท้ๆ

"คุณอยุ่เมืองนี้มานานเท่าไหร่แล้วล่ะ" แมวน้ำพับหนังสือพิมพ์เก็บแล้วหันหน้ามามองผม

" 3 ปีครับ คุณล่ะ" ผมตอบ ถึงตอนนี้ผมคิดได้ว่าอาจจะเป้นการไม่สุภาพที่เรียกชื่อห้วนๆมาซะนาน

"โอ๊ย ผมหรอ 30 กว่าปีแล้วล่ะ" คุณแมวน้ำตอบพร้อมกับหาวหวอด

"คุณอาศัยอยู่ที่ไหน" คุณแมวน้ำเจรจาต่อ

"ผมอยู่แถวซันเซ็ทครับ" ผมตอบ

"โอ ไกลนะนั่น ผมก็มีญาติอยู่แถวนั้นเหมือนกัน"

ผมเริ่มสงสัยว่าแมวน้ำที่ผมเคยเห็นแถวนั้นจะใช่ญาติของคุณแมวน้ำหรือเปล่า

"ก็ไม่ไกลหรอกครับ นั่งรถไฟมาก็ไม่นานเท่าไหร่" ผมตอบพร้อมกับถามกลับ

"แล้วคุณล่ะครับ บ้านอยู่แถวไหนหรอครับ"

คุณแมวน้ำนิ่งไปพักนึงก่อนจะตอบว่า

"บ้านหรอ ผมไม่มีหรอก เกิดมาผมก็อยูในทะเลมาตลอดแหละ เหนื่อยไหนก็พักนั่น

บางทีก็อาจจะรวมตัวกันอยู่ที่ใดที่หนึ่งนานหน่อย ก่อนจะย้ายไปที่อื่น

ผมไม่ยึดติดว่าที่ใดที่หนึ่งเป้นบ้านหรอก เพราะอยู่ในทะเลไม่ว่าที่ไหนมันก้เชื่อมถึงกันหมด

เอ หรือว่าจะเรียกว่าทะเลคือบ้านของผมก็ได้นะ"

จริงแท้ ผมน่าจะคาดเดาได้ว่าคำตอบที่ได้รับน่าจะเป็นเช่นนี้

คำว่าบ้านก็เป็นเพียงสิ่งที่มนุษย์กำหนดขึ้นมาให้มีความหมายเฉพาะกลุ่ม

ถ้าผมถามว่าอาณาเขตคุณอยู่ที่ไหน อาจจะได้รับคำตอบที่ง่ายกว่า

แต่ก็อีกน่ะแหละ ผมเองก้ไม่รู้ว่าแมวน้ำเป็นสัตว์ที่หวงถิ่นหรือไม่

คุณแมวน้ำดูเริ่มจะสนใจผมขึ้นมานิดนึง สังเกตจากอาการผงกหัวขึ้นลงเป้นจังหวะ

"ว่าแต่ว่าเถอะ" คุณแมวน้ำเกริ่นก่อนจะสาธยายต่อ

"คุณน่ะ เคยได้ยินคำว่าปรากฏการณ์แมวน้ำมั้ย"

"ปรากฏการณ์แมวน้ำ" ผมทวนคำ

"มันคืออะไรหรอครับ"

"โห่ อะไรกันคุณไม่ได้ติดตามข่าวสารบ้านเมืองเลยหรอ" แน่นอนผมเข้า facebook บ่อยกว่า cnn

"ก็ที่มีข่าวว่าจู่ๆ แมวน้ำก็หายไปจากท่าเรือหมายเลข 39 หมดเลยน่ะสิ" คุณแมวน้ำตอบ

"อ๋อ ถ้าอันนั้นผมเคยได้ยินมาบ้างครับ" ขอบคุณที่เพื่อนร่วมงานผมเธอโพสข่าวนี้ไว้ใน facebook ของเธอ

"แล้วมันเกี่ยวยังไงกับปรากฏการณ์แมวน้ำหรอครับ" ผมเริ่มเกิดความสงสัย

คุณแมวน้ำมองหน้าก่อนที่จะยิ้มจนปากแทบฉีกถึงหู (ถ้าแมวน้ำมีหูนะ) ก่อนจะตอบว่า

"เรื่องนั้นช่างมันก่อน ว่าแต่คุณเถอะ มานั่งร้านกาแฟแล้วได้สั่งอะไรไปหรือยังล่ะ"

"ผมสั่งไปแล้วครับ ผมสั่ง Hot Chocolate ไป" ผมพูดพร้อมกับหันไปทางพี่ชายร้านกาแฟ

ทว่าไม่มีพี่ชายร้านกาแฟอยู่ตรงที่แห่งนั้น ทั้งๆที่เมื่อไม่กี่นาทีก่อนผมยังเห็นพี่ชายร้านกาแฟอยู่เลย

ขณะที่กำลังเรียบเรียงลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่นั้น

ผมก็หันกลับไปพบกับรอยยิ้มแสนประหลาดของคุณแมวน้ำตอบกลับมา...


Hot Chocolate 1: ภาคต้น

พุธที่ผ่านมา ผมได้มีโอกาสแวะเวียนไปร้านกาแฟเจ้าประจำ

จริงๆแล้ว ผมก้ไม่ได้ตั้งใจจะเข้ามาหาอะไรดื่มหรอก

แต่วันนั้นเป็นวันที่แม้แดดจะออก ทว่าอากาศข้างนอกยังคงหนาวเย็นเหมือนเช่นเคย...

เมื่อก้าวเท้าออกจากสถานีรถไฟ ผมจึงชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งว่า

ระหว่างร้านหนังสือกับร้านกาแฟ จะตัดสินใจไปที่ไหนดี

ความหนาวบวกกับความขี้เกียจคิดแทนสมองให้เสร็จสรรพว่า

ไปที่ๆมันอุ่นและใกล้ที่สุดละกัน ชั่วสามนาทีจากสถานีรถไฟ

ผมจึงมาถึงร้านกาแฟแห่งนี้...


"หวัดดีพี่" ผมทักทายพี่ชายร้านกาแฟที่กำลังง่วนอยุ่กับการชงกาแฟตรงหน้า

"คนน้อยนะวันนี้" ผมพูดเปรยๆพร้อมกับหามุมนั่ง

พี่ชายร้านกาแฟไม่ตอบ และยังคงง่วนอยุ่กับงานที่อยู่ตรงหน้า

หลังจากกวาดตาไปมาสักพัก ผมจึงเลือกมุมที่ไม่ไกลจากเครื่องชงกาแฟมากนัก

อย่างน้อยถ้าไม่มีอะไรทำ จะได้ดูขั้นตอนการทำกาแฟแก้เบื่อ

"ขายดีมะวันนี้" ผมถามพลางคิดในใจว่าจะสั่งอะไรดี

"ก็เหมือนเดิม" พี่ชายร้านกาแฟตอบ ถึงตอนนี้เขาวางแก้วลงและจัดใส่จานรอง

ผมเหลือบไปมองดูลวดลายที่ปรากฎอยู่บนผิวของกาแฟแก้วนั้น

"ลายสวยนี่" ผมเอ่ยชม

"ขอบใจ" พี่ชายร้านกาแฟตอบ

"วันนี้จะดื่มอะไรดี" พี่ชายร้านกาแฟถามเหมือนจะให้กินฟรี

นั่นสิ... ผมจะดื่มอะไรดีวันนี้


ใจจริงอยากดื่มโอเลี้ยง แต่ร้านกาแฟที่นี่ไม่ใช่ร้านกาแฟเมืองไทยจึงไม่มีโอเลี้ยงขาย

แถมผมเองกินกาแฟชนิดไหนๆ ก็ไม่เคยแยกความแตกต่างออกเลยสักนิด

"เอา Hot chocolate ละกัน" ผมตอบไปพร้อมกับที่ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าสองครั้งล่าสุดที่มาที่นี่ก็สั่งเมนูนี้

"เอาร้อนๆ นะ คราวก่อนอุ่นไปหน่อย" ไหนๆก็ไหนๆแล้ว เลยตามเลยละกัน

พี่ชายร้านกาแฟรับออเดอร์แล้วก็หันกลับไปง่วนกับการเตรียมวัตถุดิบ

จู่ๆ พี่ชายร้านกาแฟก็หยุดคิดนิดนึง แล้วหันกลับมาถามผมว่า

"ลองของใหม่มั้ย"

"หืม เมนูใหม่หรอ อะไรอ่ะ" ผมถามพลางกวาดสายตาไปที่เมนูที่ยังคงเหมือนครั้งล่าสุด

"ยังไม่ขาย แต่จะลองมั้ย"

"เอาดิ่ อะไรหรอ" ผมสนใจแต่แอบสงสัยว่าที่ว่าไม่ขายนี่คือจะทำให้ฟรีรึ

"Hot chocolate น่ะ แต่สูตรใหม่ ราคาเบิ้ลไปอีกนะ แต่นี่ให้ลองคิดเพิ่มไม่แพง" พี่ชายร้านกาแฟตอบเหมือนรู้ว่าผมคิดอะไรอยู่

"อ่ะๆ ลองๆ" ผมเองก็เริ่มเบื่อ Hot chocolate เดิมๆขึ้นมาซะงั้น

"นานหน่อยนะ รอได้ป่ะ" พี่ชายร้านกาแฟถามเหมือนลองเชิง

"ได้พี่ ไม่รีบ" ผมตอบ


ใช่ ไม่รีบ ดูเหมือนความรีบร้อนจะไม่ได้มาเยี่ยมเยียนผมมาพักใหญ่แล้ว...




โรงพัก

เมื่อวานไปแจ้งความมือถือแฟนหายทีโรงเรียน น่าจะโดนขโมยเลยไปแจ้งความเป็นเพื่อนที่ สน.มีนบุรี
วันพฤหัสบดีธรรมดาๆไม่น่าจะมีอะไรนัก และนี่คือเคสที่ผมเห็นมาระหว่างที่รอ

- ครอบครัวแบ่งมรดกไม่ลงตัว มากันเกือบทั้งโคตร เสียงดัง เดินตึงตัง
- รถชนกัน อันนี้ประกันมาเคลียร์ให้ทั้งคู
- ตำรวจยึดมีดยาวสองคมมา เจ้าตัวคนพกเป็นเด็กมัธยม ปรับ100นึงแล้วปล่อยไป
- คุณตาแก่ๆเดินช้า ขยับตัวช้า ไปกดเอทีเอ็มแล้วหายสามหมื่น หายหมดเลย แกเลยมาแจ้งความ แต่มาแจ้งผิดท้องที่ ตำรวจบอกให้แกนั่งแทกซี่ไปแต่แกไม่มีเงินเหลือแล้ว
- เด็กช่างสองคนโดนตำรวจหิ้วเข้ามาพร้อมของกลางเป็นมีดปลายแหลม ปรับคนละ100แล้วปล่อย
- ยัยป้าที่นั่งข้างกูพยายามอ้อนวอนตำรวจเรื่องคดีมรดก แกบอกแกเซ็นอะไรไปแกอ่านไม่ออก แต่แกทำผิดไรเนี่ยล่ะและไม่มีเงินประกันตัว ตำรวจกำลังจะเอาเข้าคุกแกก็นั่งร้องไห้อยู่ข้างกูเนี่ยล่ะ
- บันทึกประจำวันยังต้องคัดด้วยลายมืออยู่ แม่งเสียเวลาชิบหายทั้งคนแจ้งทั้งตำรวจที่มานั่งคัดลายมือให้
- ไอ้ที่เคยได้ยินว่าคดีจะหลุดไม่หลุดขึ้นกับตำรวจที่แต่งสำนวนเลย คือแกต้องนั่งนึกบรรยายพรรณาโวหารออกมาเป็นเรื่องก่อนจะบันทึกลงไป เหนื่อยอยู่นะ
- บันทึกทุกอย่างใช้เลขไทย อ่านยากสัดๆ
- คนที่อยู่ที่สน ถ้าไม่ใช่คนร้องทุกข์ก็ไอ้ตัวทำทุกข์ชาวบ้าน
- เวลาไปให้ใจเย็นๆ อย่าจี้ อย่าเร่ง อย่าหงุดหงิดถ้าเครื่องปริ้นท์จะปริ้นท์ไม่ออก หรือคุณตำรวจที่กำลังพิมพ์เรื่องเราอยู่ต้องเดินไปห้ามไม่ให้คุณป้าที่ไปโทรศัพท์แอบหนีไป
- โรงพักเก่าสัด ตึกอารมณ์แบบสามสิบปีก่อนเลย ไอ้ที่โกงสร้างโรงพักใหม่นี่แม่งเหี้ยมากแทนที่จะให้เขาได้ดีๆหน่อย
- มีคนสั่งข้าวผัดกับโอเลี้ยงมากินจริงๆตอนติดคุก ผมได้ยินคนสั่งอยู่
- ไปแล้วรู้สึกตำรวจน้อยมาก มีสี่ห้าคนเองคนนั่งรอเป็นสิบ
- ส่วนหนึ่งคงต้องช่วยตัวเอง ตำรวจดูงานเยอะ ถ้าเจอโจรแล้วตอนนั้นล่ะค่อยเรียกตำรวจไปจับ
- ใครใช้ไอโฟน ให้ใส่พาสโคดหน้าจอซะ แล้วไปเปิด find my phone ในicloud จะยังทำให้พอจะตามช่วงแรกๆได้
- เลข imei ส
ำคัญมาก จดเก็บไว้เลย ในกรณีที่โจรเอาเครื่องไปล้างใหม่ ข้อมูลเราจะหายหมดใช้ find my phone ตามไม่ได้ แต่เราจะตามด้วยเลข imei ได้ ตรงนี้ต้องขอเอกสารตราครุฑจากตำรวจ แล้วไปยื่นที่ฝ่ายกฏหมายสนงใหญ่ของทุกเครือข่าย เพราะเราไม่รู้ว่าคนเอาไปมันจะใช้ของอันไหน เอกสารตัวนี้จะทำให้เราขอข้อมูลการใช้งาน โทรออกได้ซึ่งปกติเป็นความลับ
- ในกรณีที่ถอดใจแล้ว เถาเรามีเลขอีมี่นั้นก็สั่งล็อคเลขอีมี่แม่งเลย ไอโฟนก็จะกลายเป็นที่ทับกระดาษ
- คนเรามีปาก จะพูดอะไรก็ได้ แต่เราไม่จำเป็นต้องเก็บมารับฟัง แค่ยิ้มให้แล้วฉากหลบทำหูทวนลมซะ สุขภาพจิตจะได้ไม่เสีย

 

โดยสรุปแล้วถ้าระบบตำรวจใช้คอมทุ่นแรงแทนการนั่งเขียน น่าจะทำให้บริการได้เร็วขึ้น และถ้าเปลี่ยนจากร้องเรียนกับร้อยเวรคนไหนต้องให้คนนั้นเดินเรื่องคนเดียว เป็นให้เรื่องเข้าไปอยู่ในระบบแล้วตอนนั้นมีใครว่างก็ส่งเรื่องให้คนนั่นเอาไปทำต่อน่าจะสะดวกขึ้นเยอะ บางทีเจอโจรแต่ตำรวจไม่ว่างก็ต้องรอตำรวจว่างค่อยไปจับโจร

Tuesday, June 11, 2013

Dogcula

ตอนกลับมาแรกๆ คิดไว้ว่าอยากทำงานอะไรที่ใช้การวาด
ง่ายๆคืออยากวาดการ์ตูนนี่ล่ะ ก็ลองดูไปมาจนคิดว่า เออ ทำเคสไอโฟนน่าจะดี
คนทำลายเองยังไม่ค่อยเยอะ ส่วนมากไปซื้อมาขายกัน
เลยเริ่มจริงจัง ไปซื้อเครื่องมาทำ ออกแบบคาแรกเตอร์
แต่มันใช้เวลาทำให้มันออกมาดีนานพอควร ทำให้เวลาที่จะวาดกลับน้อยลง
ทำได้อยู่พักนึง มีรายได้จากคนรู้จักนิดหน่อย แล้วก็หยุดทำ
พักไปทำงานฟรีแลนซ์พวกเกมเหมือนเดิม คิดว่าเป็นงานที่เราทำออกมาแล้วดีพอควร
แถมมีงานมาเรื่อยๆ จนไม่ได้แตะการทำเคสอีกเลย
แต่เอาเถอะ เดี๋ยวถ้ามีเวลาจะกลับมาทำใหม่
ตอนนี้ขอโชว์บางส่วนหน่อยละกันนะ