Monday, June 8, 2015

ยูเว่


ยูเวนตุส - บาเซโลน่า
นัดนี้เป็นนัดชิง UEFA Champion Leages (ชื่อเดิม) ครั้งที่ 5 ที่ผมได้ดูตั้งแต่เชียร์เจ้าม้าลายนี้มา
ครั้งแรกที่ได้มีโอกาสดูยูเวนตุสโลดแล่นไปถึงนัดชิง นั้นคือฤดูกาล 95-96 ซึ่งปีนั้นยูเวนตุสเชือดอาแจกซ์ซิวแชมป์ไปครอง
และตั้งแต่นั้นมายูเวนตุสก็พบกับความผิดหวังในนัดชิงมาตลอด
เกมนัดชิงเมื่อวานจึงเป็นเกมที่แอบหวังอยู่ลึกๆ ด้วยว่าคู่แข่งคือทีมอย่างบาเซโลน่าที่มี MSN ในแดนหน้า
และเพียงแค่เริ่มเกมมาได้ 4 นาที บาซ่าก็นำไปอย่างรวดเร็ว ชนิดที่ยังบางคนยังไม่ทันตื่นมาดูบอล
พลพรรคม้าลายเครื่องยังไม่ทันร้อน ก็เจอยิงนำไปก่อนแล้ว และรูปเกมหลังจากนั้นคือบาซ่าบุกเอาๆ
ยังดีที่ยูเว่มีบุฟฟ่อนอยู่ และยูเวนตุสก็ยังเป็นยูเวนตุสอยู่ ใครจะมายังไงเราไม่สน
ถึงแม้จะโดนนำไปก่อน ยูเว่ก็ยังเล่นเกมในแบบของตัวเอง ค่อยๆต่อบอลไปแดนหน้าแล้วหาโอกาสจบประตู
แม้ครึ่งแรกมีโอกาสหวาดเสียวเป็นระยะ แต่ก็ยังทำอะไรบาซ่าไม่ได้
จบครึ่งแรก บาเซโลน่านำยูเวนตุสอยู่ 1 ประตูต่อ 0

เริ่มครึ่งหลังมา แผงกองกลางของยูเวนตุสเริ่มคุมเกมได้
ไม่ว่าจะเป็นป๊อกบาที่มีโอกาสลากเลื้อยและปะทะเมสซี่
ปิร์โล่ที่วางบอลยาวแม้จะช้าไปหน่อยแต่ก็ยังเอาตัวรอดได้
มาคิซิโอ้ที่มีจังหวะส่องไกลอยู่หลายหนอย่างน่าหวาดเสียว
ที่สำคัญคือวีดัลที่ตัดเกมได้หนักและแน่นแถมยังวิ่งขึ้นลงไม่มีหยุด เห็นแล้วนึกถึงเอ็ดการ์ ดาวิดในสมัยนั้น
ในที่สุดยูเวนตุสก็ทำประตูตีเสมอได้ จากลูกยิงของเตเบซแล้วยิงซ้ำของโมรัตต้า ซึ่งเป็นการทำประตูติดต่อกัน 3 เกม
หลังจากนั้นยูเว่เริ่มมีโอกาสบุกมากขึ้น ขณะที่บาซ่าเองก็อาศัยจังหวะสวนกลับด้วยความเร็วไปเป็นระลอก
นัดนี้การที่ขาดคิเอลลินี่ที่ช้าแต่ชัวร์ ทำให้หลายจังหวะบาซ่ามีโอกาสสวนกลับมา ต้องขอบคุณบุฟฟ่อนที่เซฟสวยๆได้หลายลูก
เกมเริ่มเทไปทางฝั่งยูเว่ก่อนที่จะมีลูกขลุกขลิกที่ป๊อกบาโดนทำฟาลว์ในเขตโทษ
และกลายเป็นลูกสวนกลับและนำไปสู่ประตูที่ 2 ของบาเซโลน่าในค่ำคืนนี้
ยูเวนตุสไม่มีทางเลือกนอกจากหาทางยิงประตูให้ได้ และก็เกือบจะทำได้หลายครั้ง
บาซ่าเองก็มีจังหวะสวนหลายครั้งเช่นกัน ทั้ง 2 ทีมสลับกันรุกและรับ
ยูเว่บุกด้วยการจ่ายบอลทำทางแล้วยิง ส่วนบาซ่าบุกอย่างกับเล่นวินนิ่งเคาะบอลไปมาแล้วหลุดมาหน้าประตูเฉย
ช่วง 5 นาทีสุดท้าย ยูเวนตุสไม่เหลืออะไรแล้วจึงใส่เกมรุกเข้าอย่างเต็มที่
จะแพ้ 2 - 1 หรือแพ้กี่ลูกก็ตาม สกอร์ไม่ใช่เรื่องสำคัญ ถ้าแพ้ก็คือแพ้ 
และในที่สุดตอนทดเวลาบาดเจ็บ แผงแนวรุก MSN และปีกซ้ายและขวารวม 5 คน
ก็อาศัยจังหวะสวนกลับฉีกแผงหลังยูเว่ที่ห้อยเหลือ 2 คน และยิงประตูที่ 3 เข้าไปจนได้

เสียงนกหวีดจบเกมดังขึ้นตอนไหนนั้นผมเองก็ไม่ได้ยิน แต่ผู้เล่นบาซ่าฉลองประตูราวกับนี่เป็นประตูโกลเด้นโกล
นักข่าวทั้งหลายแหล่วิ่งรุมล้อมเนมาร์  และผู้เล่นบาซ่าคนอื่นๆที่กำลังดีใจ
ผมเองได้แต่ตะโกนใส่หน้าจอทีวีว่าให้เอาบอลไปตั้งเร็วๆ จะได้เขี่ยมาเล่นต่อ
จนกระทั่งเห็น อัลเลกรีเดินเข้ามาหาเหล่าเบียงโคเนรี่จึงได้รู้ว่าเกมนั้นจบลงแล้ว
และเป็นบาเซโลน่าที่เอาชนะยูเวนตุสไปด้วยสกอร์ 3 - 1

เกมจบลงด้วยความรู้สึกที่ผสมผสานอย่างบอกไม่ถูก
แน่นอนว่าบาเซโลน่าเป็นผู้ชนะอย่างไม่มีข้อกังขา ไม่มีอะไรติดใจถึงชัยชนะของบาซ่า
ถ้าเป็นเมื่อก่อนในการแพ้นัดชิงแบบนี้ ผมแทบจะเลิกดูบอลไม่ว่าบอลอะไรก็ตามไปราว 2-3 เดือน

อาจจะเป็นเพราะเมื่อก่อนช่วงปี 90 ทีมจากอิตาลีครองยุโรปเป็นว่าเล่น
ความถือดีว่าทีมเรานั้นยิ่งใหญ่จึงมีอยู่สูง พอหวังสูงแล้วแพ้ จึงตกลงมาอย่างสะบักสะบอม
แต่กลับยุคสมัยนี้ โดยเฉพาะตั้งแต่ช่วงที่ยูเว่ตกลงไปเล่นซีรีย์ บี และทีมจากสเปนซัดยุโรปรัวๆ
ความถือดีที่ว่าไม่มีอีกแล้ว มีแต่จะคอยให้กำลังใจนักเตะผ่านทางหน้าจอทุกครั้งที่มีโอกาสได้ดู
เล่นดีก็ชม เล่นแย่ก็ให้กำลังใจ ไม่ได้เล่นก็ไม่เป็นไร ถ้าเล่นก็ขอให้เต็มที่
และเมื่อคืนยูเวนตุสก็เล่นได้อย่างเต็มที่ สมกับที่แฟนม้าลายรอกันมานาน
น่าเศร้าที่ นี่อาจจะเป็นนัดสุดท้ายของปีร์โล่ในชุดขาวดำ
น่าเสียดายแทนบุฟฟ่อนที่ยังคงต้องรอโอกาสคว้าแชมป์ถ้วยนี้ในคราวหน้า
ขอบคุณพลพรรคม้าลายทุกคนสำหรับความสนุกในค่ำคืนนี้
La juve ti ama
- ม้าลายกระป๋อง








Saturday, June 6, 2015

ลุงเกาลัค

ก่อนจะขายเกาลัค ผมทำธุรกิจส่งออกเสื้อผ้าตอนนั้นรายได้ดีทีเดียว แต่พอเจอพิษเศรษฐกิจช่วงนั้นเข้าไปเล่นเอาหมดเลย ผมเลยต้องหาอย่างอื่นทำจนมาเจอเกาลัคนี่ล่ะ ผมขายอยู่ตรงนี้มา 20 กว่าปีแล้ว ก่อนหน้านี้ผมขายอยู่ที่เรือนเพชร สาขาศรีนครินทร์ ส่วนที่ตรงเพชรบุรีนี่ผมจ้างให้เด็กเขาขายให้ ต่อมาตอนหลังเขาทุบหน้าร้านที่สาขาศรีนคริทร์แล้วทำเป็นห้องคาราโอเกะ อาเฮียเจ้าของแกเลยย้ายให้ผมกลับมาตรงที่เพชรบุรีนี่ ซึ่งตรงนี้ขายดีกว่า เพราะหน้าร้านเป็นถนนและติดกับป้ายรถเมล์ด้วย คนเลยเข้าถึงง่ายกว่า
เกาลัคเนี่ยเวลาคั่วเสร็จต้องดูให้ดี เม็ดไหนที่มีแมลงกัดเป็นรูเนี่ย เวลาคั่วแล้วเศษกรวดมันจะเข้าไปข้างในทำให้เสีย ตอนเลือกให้ลูกค้าเราเลยต้องสังเกตดีๆ คอยเลือกเอาเม็ดที่ใช้ไม่ได้ออก เกาลัคเองก็มีหลายพันธุ์ ทั้งพันธุ์จีนและพันธุ์ญี่ปุ่น เกาลัคที่เห็นในไทยนี่ก็มาจากจีนทั้งหมดล่ะเป็นพันธุ์ญี่ปุ่นปลูกในจีน เพราะประเทศจีนกว้างมีพื้นที่เยอะเหมาะแก่การเพาะปลูก ส่วนญี่ปุ่นเป็นเกาะ พื้นที่จะทำอะไรก็แพง เขาเลยเอาเกาลัคพันธุ์ญี่ปุ่นไปปลูกที่จีน พอปลูกเสร็จเขาก็คัดเอาเกาลัคเกรดเอส่งไปขายที่ญี่ปุ่นเพราะได้ราคาดีกว่า ส่วนเกาลัคเกรดรองลงมาก็ส่งมาขายที่ไทยเนี่ยล่ะ

*
ลุงกิมบัค แซ่อึ้ง
แกนั่งเรือสำเภามาจากจีนตั้งแต่อายุ 3 ขวบ
ขอสัญชาติไทยตอนอายุ 30





Thursday, June 4, 2015

wash and d



ไม่บ่อยครั้งที่ชายหนุ่มจะตื่นเช้ากว่าปกติในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์
โดยปกติแล้วในวันหยุดสุดสัปดาห์เช่นนี้ เขาควรจะยังนอนเกลือกกลิ้งไปมาบนเตียงจนสาแก่ใจ แล้วจึงลุกขึ้นมาทำธุระปะปังอะไรที่เขาไม่ได้ทำในวันธรรมดาซะมากกว่า
แต่ตอนนี้ชายหนุ่มคนนั้นกำลังอุ้มตะกร้าพลาสติกใบหนึ่งซึ่งอุดมไปด้วยกองเสื้อผ้าใส่แล้วที่ทับถมกันอยุ่เป็นกองพะเนิน ชายหนุ่มอุ้มตะกร้าผ้าพร้อมกับขวดน้ำยาซักผ้าฝืนลงบันไดของอพาทเมนต์ด้วยความง่วงงุน

แสงแดดภายนอกอาคารรอต้อนรับเขาอยู่แล้ว ทันทีที่เขาเปิดประตูบานใหญ่ที่ชั้นล่างสุดของล๊อบบี้ เหล่าแสงแดดพากันรุมล้อมเขาเหมือนจากกันมานาน
ชายหนุ่มยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ปล่อยให้แสงแดดสัมผัสทุกส่วนของเขาจนพอใจ และเมื่อรู้สึกถึงความเร่าร้อนของแสงแดด ชายหนุ่มจึงก้าวเท้าออกจากอพาทเมนต์แห่งนั้น

จุดหมายในวันนี้ของชายหนุ่มคือร้านซักผ้าที่เยื้องอยู่ตรงหัวมุมนี่เอง
ร้านซักผ้าแห่งนี้นั้นเปิดตั้งแต่ 6 โมงเช้า จนถึง 4 ทุ่ม
ชายหนุ่มมาใช้บริการที่ร้านซักผ้านี่ตั้งแต่เขาย้ายมาอาศัยอยู่ที่อพาทเมนต์ที่ว่า เขาไม่แน่ใจว่าร้านซักผ้านี้อยู่มานานเท่าไหร่ แต่จากสภาพภายในร้านเขาคิดว่าน่าจะเปิดมานานพอสมควร

ชายหนุ่มจัดแจงวางตะกร้าผ้าไว้บนโต๊ะเหล็กกลางร้าน เวลาเช้าแบบนี้ไม่ค่อยจะมีคนมาใช้บริการร้านซักผ้านี้เท่าไหร่นัก เขาจึงเดินไล่เปิดเครื่องซักผ้าทีละตู้
การซักผ้าก็เหมือนกับการทำอาหาร ครัวไหนๆก็ทำอาหารออกมาได้เหมือนกัน แต่ครัวที่สกปรกไม่สามารถทำอาหารที่สะอาดออกมาได้
ด้วยเหตุนี้ชายหนุ่มจึงใช้เวลาพิถีพิถันกับการเลือกเครื่องซักผ้าที่ถูกใจ

วันนี้เป็นคิวของเครื่องซักผ้ามุมขวา แม้เครื่องนี้จะไม่ใช่เครื่องที่ชายหนุ่มใช้ประจำแต่ก็ไม่มีปัญหาอะไร เขายกตะกร้าผ้าเกยกับประตูของเครื่องซักผ้า จากนั้นจึงเริ่มขยุ้มกองผ้าแล้วโยนเข้าไปในเครื่องซักผ้านั้น
เมื่อผ้าทั้งหมดเข้าไปอยู่ในเครื่องแล้ว เขาก็เปิดลิ้นชักเล็กๆข้างตู้เพื่อเทน้ำยาซักผ้าลงไป จากนั้นจึงปรับสวิทช์น้ำอุ่นและหยอดเหรียญเพื่อเริ่มกระบวนการซักผ้า

เช้าที่เงียบสงบกับแดดอุ่นๆ และช่วงเวลาสี่สิบนาทีที่กองผ้าของเขาหมุนอยู่ในเครื่องซักผ้าเล็กๆ เป็นช่วงเวลาสงบของเขา ชายหนุ่มวางแผนถึงช่วงเวลาต่อจากนี้ว่าเขาควรจะทำอะไรบ้างในวันนี้ อาหารมื้อเที่ยงจะไปกินที่ไหนดี มีของจำเป็นอะไรบ้างที่ต้องซื้อเข้ามาเก็บในบ้าน ไส้กรอกที่ซื้อมาน่าจะหมดแล้ว หรือเขาควรจะโละของในตู้เย็นทิ้งไปดีแต่ที่ว่าก็อาจจะไม่จำเป็นอีกแล้ว

ขณะที่ชายหนุ่มกำลังล่องไปกับความคิดเรื่องอาหารกลางวัน เขาก็ถูกขัดจังหวะด้วยเสียงกระดิ่งเปิดประตู เขาหันไปดูจึงเห็นผู้หญิงคนหนึ่งใส่เสื้อแจ๊คเกตบุนวมกับรองเท้าบูท เธอลากตะกร้าพลาสติกที่มีล้อเข้ามาและหยุดอยู่ที่โต๊ะเหล็กกลางร้าน ชายหนุ่มลอบมองหญิงสาว เขาไม่เคยเห็นเธอมาก่อน บางทีเธออาจเพิ่งมาที่ร้านซักผ้าแห่งนี้เป็นครั้งแรก แต่จะว่าไปเขาก็ไม่ค่อยเห็นคนที่มาใช้บริการคนอื่นเช่นกัน ที่จริงแล้วเขาพยายามเลี่ยงช่วงเวลาที่ผู้คนมาใช้บริการร้านซักผ้าแห่งนี้ ความหนาแน่น เสียงดังและชุลมุนทำให้ช่วงเวลาซักผ้าของเขาถูกรบกวน หญิงสาวมองไปรอบๆร้าน สายตาของเธอไล่ไปตามเครื่องซักผ้าที่รายล้อมรอบตัวเธอ บางทีเธออาจจะกำลังตัดสินใจว่าวันนี้จะใช้เครื่องซักผ้าเครื่องไหนดี หรืออาจจะประหลาดใจที่มีคนมาซักผ้าแล้วก่อนเธอก็ได้

หญิงสาวหันมองไปทางซ้ายและขวาอยู่เงียบๆสักพัก แล้วจึงเดินไปที่เครื่องซักผ้าริมในสุด ชายหนุ่มลอบมองหญิงสาวจัดการหยิบเสื้อผ้าใส่ตู้ทีละชิ้นอยู่เงียบๆ เธอล้วงกระเป๋าหยิบเศษเหรียญออกมานับ เขาเห็นเธอก้มนับเศษเหรียญในมือแล้วล้วงกระเป๋าอยู่ สอง-สามครั้ง เธอกำเหรียญในมือแล้วมองไปที่เครื่องซักผ้าแล้วหันกลับมามองมือที่กำเศษเหรียญไว้อีกครั้ง บางทีเศษเหรียญที่เธอเตรียมไว้อาจจะไม่พอดี และแถวนี้ก็ไม่มีเครื่องแลกเหรียญเสียด้วย เขารู้เพราะเขาก็เคยประสบเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน ชายหนุ่มหยิบกล่องบุหรี่เหล็กขนาดเล็กซึ่งภายในบรรจุไปด้วยเหรียญออกมา เขาดีดฝาเหล็กตามจังหวะที่เธอก้าวเดินเข้ามา

เธอเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเขา แล้วเอ่ยถามด้วยความสุภาพว่าเขาพอจะมีเศษเหรียญให้เธอแลกได้ไหม ชายหนุ่มถามว่าเธอต้องการอีกเท่าไหร่ เมื่อทราบจำนวนแล้วเขาจึงหยิบเหรียญในส่วนนั้นให้เธอ หญิงสาวรับเหรียญมาแล้วยื่นธนบัตรที่มีจำนวนเดียวกันให้เขา ชายหนุ่มปฎิเสธแม้หญิงสาวจะคะยั้นคะยอให้เขารับแค่ไหนก็ตาม เมื่อเห็นว่าความพยายามไม่เป็นผล เธอจึงยิ้มให้และกล่าวขอบคุณเขา ชายหนุ่มยิ้มรับคำขอบคุณและเฝ้ามองหญิงสาวเดินไปที่เครื่องซักผ้าของเธอ

คนทั่วไปอาจจะคิดว่าชายหนุ่มยอมแลกเศษเหรียญเพียงนิดหน่อยกับมิตรภาพที่อาจจะงอกเงย แต่แท้จริงแล้วเงินไม่ใช่สิ่งสำคัญสำหรับชายหนุ่มอีกต่อไป อย่างน้อยก็อีกยี่สิบนาทีจนกว่าจะซักผ้าเสร็จ ก็เพราะวันนี้น่ะเป็นวันที่อนุญาตให้เราซักและตายยังไงล่ะ