ช่วงที่ผมเริ่มทำงานจึงย้ายเข้ามาอยู๋ในเมืองแทน
ตอนแรกผมเองก็เล็งหาที่อยู่ใหม่ในย่าน sunset เนี่ยละ
แต่เนื่องจากเหล่าโฮมเมทต่างพากันเรียนจบและแยกย้ายกันไปตามทาง
เลยคิดว่าไหนๆก็ไหนๆละ ลองย้ายเข้าไปอยู่ในเมืองเลยดีกว่า ทั้งใกล้ที่ทำงานด้วย
และที่สำคัญคือการหารูมเมทที่ดีนั้นยากยิ่งนัก ด้วยความสันโดษผมจึงตัดสินใจอยู่คนเดียวเนี่ยล่ะ
อพาทเมนท์ที่ผมอยู่ตั้งอยู่บนหัวมุมของถนน Bush ตัดกับ Levenworth
ในตึกก็มีพี่น้องชาวอนิเมชั่นอยู่กันพอควรทั้งไทยและเทศ และเป็นโชคดีของผมที่ช่วงนั้นมีห้องว่างอยู่พอดี
ตัวตึกมีลักษณะเป็นตัว U ตรงกลางเป็นสวนหย่อมเล็กๆ
ห้องทุกห้องมีหน้าต่างทั้งหันออกถนนและอีกฝั่งหันเข้าหาสวน
ห้องที่ผมอยู่เป็นห้องสตูดิโอ มีห้องครัว ห้องน้ำและห้องแต่งตัวที่เชื่อมติดกับห้องน้ำ
ห้องนี้อยู่ในด้านที่หันเข้าด้านในของตึก ทำให้ตอนกลางคืนไม่มีเสียงรบกวนจากถนนมากนัก
โดยรวมแล้วเป็นห้องที่ดีเลยทีเดียว แม้ค่าห้องจะเป็นเท่าตัวของสมัยอยู่ที่ sunset ก็ตาม
ผมอยู่ที่ห้องนี้อย่างปกติสุขเลยทีเดียว
จนกระทั่งวันหนึ่ง
วันที่ผมเจอหนูในห้อง...
คืนนั้นขณะที่ผมกำลังนั่งดูทีวีพร้อมไปกับการอ่านหนังสือ
ผมเห็นหนูตัวหนึ่ง เดินออกมาจากห้องแต่งตัว
หนูตัวนั้นก็เหมือนหนูบ้านทั่วไป ตัวเล็กๆ ขนปุยๆสีน้ำตาล
ขนาดตัวน่าจะราวๆ 5-6 เซนติเมตร แต่ถ้าจับยืดตัวน่าจะได้ราวๆ 9-10 เซนติเมตร ไม่รวมหาง
เจ้าหนูตัวนั้นเดินมาหยุดอยู่หน้าทีวี และนั่งลงบนขาหลังของมันยังกับว่ามันเดินออกมาดูว่าวันนี้ทีวีมีอะไรดู
ผมนิ่งอยู่พักใหญ่ ในหัวพยายามหาคำตอบว่าเจ้าหนูตัวนี้มันมาจากไหน มันมาทำอะไร และที่สำคัญมันเข้ามาในห้องได้ยังไง
ผมเลยลุกจากเก้าอี้เพื่อจะหาทางทำอะไรสักอย่าง แต่แค่ขยับตัวแค่นั้น เจ้าหนูก็วิ่งฉิวกลับเข้าไปในห้องแต่งตัวทันที
ผมเองไม่ได้กลัวหนู แต่ก็ไม่ค่อยอยากจะโดนตัวมันเท่าไหร่นัก ก็ชะโงกหัวเข้าไปในห้องแต่งตัว
หลังจากด้อมๆมองๆอยู่พักใหญ่ ผมเลยตัดสินใจเข้าไปเพราะไม่งั้นเจ้าหนูนั่นก็คงออกมาอีกแน่
ผมค่อยๆยกชั้นวางของ กล่อง เก้าอี้และเสื้อผ้าบางส่วนออกช้าๆ พร้อมกับเตรียมใจว่าเจ้าหนูนั่นจะต้องวิ่งสวนออกมานาทีใดนาทีหนึ่งเป็นแน่
ผมยกของออกมาทั้งหมดแล้ว แต่ไม่เจอหนูเลยสักตัว
แปลกมาก หรือว่าหนูมันมุดหนีกลับเข้ารูที่มันออกมาแล้วล่ะ
คิดได้ดังนั้น ผมเลยรีบจัดการหารูตามซอกมุม จนเจอร่องไม้ใต้พรมที่ผมคิดว่าเจ้าหนูมันน่าจะออกมาจากรุนี้
รุนั่นมีขนาดไม่กว้างนัก เป็นรอยแตกของไม้ขนาดกว้างพอที่หนูจะบีบตัวรอดเข้ามาได้
ผมเลยจัดการอุดด้วยเทปใสและกระดาษลัง และเพื่อความชัวร์ผมก็จัดการอุดรูรอบๆเพื่อความสบายใจ
จากนั้นจึงกลับไปนั่งดูทีวีพร้อมอ่านหนังสือต่อ
แต่แค่ผมกลับไปนั่งได้ไม่ถึง 5 นาที สิ่งมหัศจรรย์ก็บังเกิดขึ้น
คือมีหนูจากไหนไม่รู้ เดินออกมาที่เดิม และนั่งบนขาหลังพลางจ้องจอทีวี
ที่สำคัญคือหน้าตามันเหมือนหนูตัวเมื่อกี้ไม่มีผิด
ท่าทางของมันดูงงๆ เหมือนคนเพิ่งเข้าโรงหนังหลังจากหนังเข้าไปแล้วสัก 10 นาที
ผมซึ่งคิดว่าปิดทางเข้าของมันเรียบร้อยแล้วก็นั่งงงอยู่บนเก้าอี้อยุ่เหมือนกัน
ผมแน่ใจว่าอุดรูทุกรูที่มีอยู่ในห้องนั้นเรียบร้อยแล้ว เจ้าหนูนั่นไม่มีทางเข้ามาอีกได้อย่างแน่นอน
หรือว่า
เจ้าหนูนั่นไม่ได้ออกไปในตอนแรก
ตอนที่ผมจัดการรื้อของและอุดรูต่างๆอยู่นั้น มันไปหลบซะที่อื่น
ไอ้รุทางเข้าที่ผมอุดไป บัดนี้เลยกลายเป็นอุดรูทางออกของมันไปซะ เป็นการขังเจ้าหนูนี่ไว้ในห้องอย่างสมบูรณ์
ผมเลยตัดสินใจที่จะจับมัน แต่แค่ขยับตัวเท่านั้นมันวิ่งหนีไปทันที
แต่คราวนี้ผมเห็นชัดเจนว่ามันวิ่งไปหลบหลังชั้นวางทีวี
ผมเดินไปส่องไฟฉายดู เห็นเจ้าหนูนั่งนิ่งๆพยายามทำตัวกลมกลืนกับสายไฟด้านหลัง
ผมลองส่องไฟใส่หน้ามัน มันก็ยังเฉย เลยเอาสเปรย์ลมทำความสะอาดคอมฉีดใส่มันดู
คราวนี้ได้ผล เจ้าหนูนั่นวิ่งตาตื่นออกมาก ผมก็โดดไปพลางฉีดสเปรย์ลมใส่มันไปเรื่อยๆ
เจ้าหนูพยายามวิ่งเข้าไปในห้องแต่งตัวเพื่อหาทางออก มันพยายา่มตะกุยรูที่ผมเพิ่งปิดไปแต่ไม่สำเร็จ
ผมฉีดสเปรย์ลมใส่มันอีก มันจึงวิ่งออกมาจากห้องแต่งตัว
เราวิ่งวนกันอยู่ในห้องสักพัก ผมจึงต้อนมันเข้าไปที่ครัวได้
พอเจ้าหนูเข้าไปที่ครัวได้แล้ว ผมรับคว้าโต๊ะกาแฟจากไอเกียมากั้นทันที
เอาล่ะ อย่่างน้อยผมก็ขังมันไว้ได้แล้ว และด้วยความคิดตอนนั้นไม่รุ้มาจากไหนทำให้ผมคิดจะจับมันใส่กล่อง
ผมหยิบกล่องพลาสติกขนาดประมาณกล่องรองเท้าขึ้นมาไว้ในมือ
และก้าวข้ามโต๊ะกาแฟขึ้นไปนั่งบนเคาเตอร์ข้างเตา พร้อมไม้เทนนิสและไฟฉายในอีกมือ
ผมเอาไฟฉายส่องดูจึงเห็นว่าเจ้าหนูมันไปหลบอยู่หลังเตา
ทีนี้จะทำไงให้มันออกมาล่ะ โดยธรรมชาติของหนูมันมักจะกลัวคน
ผมจึงแสร้งทำเป็นว่าผมไม่อยู่แล้วนะ ด้วยการนั่งนิ่งๆบนเคาเตอร์ข้างเตาโดยที่มือนึงถือไม้เทนนิส และอีกมือถือกล่องพลาสติก
ผมรออยู่ราว 20 นาที เจ้าหนูถึงออกมา
มันยื่นหัวออกมาดมๆ ก่อนจะค่อยๆเขย่งตัวออกมาทีละก้าวแล้วก็ถอยกลับก่อนจะเขย่งไปอีกสามก้าว
เจ้าหนูค่อยๆเลาะมาจากผนังครัวทางซ้าย ผมเองก็ค่อยๆกระชับกล่องพลาสติกในมือให้มั่น
จากนั้นผมรอจังหวะ จนเจ้าหนูมันมาอยุ่ตรงหน้าผม
ผมจึงเขวี้ยงกล่องพลาสติกเต็มแรง
โครม!
ผมพลาดไป เจ้าหนูวิ่งลนลานไปหลบหลังเตาทันที
ผมเลยต้องนั่งรออีกรอบ
20 นาทีผ่านไป
คราวนี้เจ้าหนูออกมาจากทางด้านขวามือ
ผมเลยค่อยๆเบี่ยงตัวพร้อมกับย้ายกล่องพลาสติกมาที่อีกมือ
แต่เจ้าหนูนั่นดันเห็นผมก่อน มันเลยวิ่งไปหลบหลังเตาทันที
ถึงตอนนั้นเป็นเวลาตีสองครึ่งแล้ว ผมเองทั้งเหนื่อยและง่วงเต็มที
เลยคิดว่าหรือไปยืมแมวของใครสักคนดีไหม ไม่ก็เลี้ยงเจ้าหนูเป็นสัตว์เลี้ยงมันซะเลย
ผมเลยค่อยๆเบี่ยงตัวพร้อมกับย้ายกล่องพลาสติกมาที่อีกมือ
แต่เจ้าหนูนั่นดันเห็นผมก่อน มันเลยวิ่งไปหลบหลังเตาทันที
ถึงตอนนั้นเป็นเวลาตีสองครึ่งแล้ว ผมเองทั้งเหนื่อยและง่วงเต็มที
เลยคิดว่าหรือไปยืมแมวของใครสักคนดีไหม ไม่ก็เลี้ยงเจ้าหนูเป็นสัตว์เลี้ยงมันซะเลย
เพราะยังไงก็จับมันไม่ได้สักที
แต่แล้วผมก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า
ถ้าไหนๆก็จับมันไม่ได้ อย่างนั้นให้มันเดินออกไปเองจะง่ายกว่ามั้ย
คิดได้ดังนั้น
ผมเลยจัดการรวบรวมของที่มีอยู่ในห้อง แล้วเอามาเรียงต่อกันเป็นทางหนูผ่าน
ผมทำทางจากห้องครัวจนถึงประตูห้อง
หลังจากนั่งรอสักพักผมก็เห็นเจ้าหนูวิ่งออกมา
แต่คราวนี้มันไม่สามารถวิ่งเปะปะไปมาได้
มันโดนบีบให้ต้องวิ่งตามทางที่ผมบังคับไว้เท่านั้น
ผมฉีดสเปรย์ลมที่ใกล้หมดกระป๋องเต็มแรง เจ้าหนูพุ่งไปตามทาง
ความรู้สึกเหมือนกำลังดูม้าแข่งอยู่เลย
ผมเห็นเจ้าหนูวิ่งเข้าโค้งก่อนที่จะพุ่งอย่างเร็วในทางตรง
ก่อนที่จะไปสุดอยุ่ที่ประตูทางออก
ผมเลยเปิดประตูแง้มไว้นิดนึงแล้วเจ้าหนูก็มุดลอดใต้ประตูออกไป
แต่มันยังนั่งงงๆอยู่หน้าประตูห้อง
ผมเลยวิ่งไล่มันไปตามโถง จนสุดท้ายมันก็วิ่งหายไปไหนความมืด
ปล.
หลังจากที่ไล่หนูออกจากห้องได้
หลังจากที่ไล่หนูออกจากห้องได้
ผมก็ไปบอกคนดูแลตึกให้ช่วยมาติดไอ้ขอบยางกันฝุ่นที่ติดตรงใต้ประตูให้หน่อย
เผื่อหนูเหนอผ่านมา
จะได้ไม่สามารถเข้ามานั่งเล่นในห้องอีก
คนดูแลตึกก็ให้ช่างมาติดให้เรียบร้อย
ตอนไม่ได้เปิดประตูก็ดูดีเลยล่ะ ไม่มีอะไรลอดเข้ามาได้แน่นอน
แต่ทีนี้ตอนเปิดมันจะไปขูดกับพรม
แบบฝืดมากๆเพราะไอ้ยางที่กันมันยาวไป
ก็ช่างมันเดี๋ยวมันคงชิน ผ่านไปสามวัน
กลับห้องมาเจอขอบยางหลุดออกมา ซึ่งผมก็ว่ามันน่าจะหลุดตั้งนานแล้วล่ะ
เลยไปบอกผู้ดูแลตึกว่า นี่นะ ยางมันยาวไปพอเปิดประตูแล้วมันจะไปลากกับพื้นมันเลยหลุดนะ
คนดูแลตึกก็รับคำ แล้วเดี๋ยวจะไปซ่อมให้ ก็โอเคดูกระตือรือล้นดี
วันรุ่งขึ้นกลับมาถึงห้อง พบว่าคนดูแลตึกให้ช่างมาจัดการติดใหม่ให้เรียบร้อย
เปิดปิดประตูลื่นไม่มีปัญหา ไม่มีขูดหรือลากกับพื้น
ขอบยางเนียนเสมอกับขอบประตูเป๊ะๆ เนี๊ยบมาก
แต่
เดี๋ยวนะ....
แล้วกูจะติดไปทำไมฟะ...
กลับห้องมาเจอขอบยางหลุดออกมา ซึ่งผมก็ว่ามันน่าจะหลุดตั้งนานแล้วล่ะ
เลยไปบอกผู้ดูแลตึกว่า นี่นะ ยางมันยาวไปพอเปิดประตูแล้วมันจะไปลากกับพื้นมันเลยหลุดนะ
คนดูแลตึกก็รับคำ แล้วเดี๋ยวจะไปซ่อมให้ ก็โอเคดูกระตือรือล้นดี
วันรุ่งขึ้นกลับมาถึงห้อง พบว่าคนดูแลตึกให้ช่างมาจัดการติดใหม่ให้เรียบร้อย
เปิดปิดประตูลื่นไม่มีปัญหา ไม่มีขูดหรือลากกับพื้น
ขอบยางเนียนเสมอกับขอบประตูเป๊ะๆ เนี๊ยบมาก
แต่
เดี๋ยวนะ....
แล้วกูจะติดไปทำไมฟะ...
No comments:
Post a Comment