Thursday, June 4, 2015

wash and d



ไม่บ่อยครั้งที่ชายหนุ่มจะตื่นเช้ากว่าปกติในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์
โดยปกติแล้วในวันหยุดสุดสัปดาห์เช่นนี้ เขาควรจะยังนอนเกลือกกลิ้งไปมาบนเตียงจนสาแก่ใจ แล้วจึงลุกขึ้นมาทำธุระปะปังอะไรที่เขาไม่ได้ทำในวันธรรมดาซะมากกว่า
แต่ตอนนี้ชายหนุ่มคนนั้นกำลังอุ้มตะกร้าพลาสติกใบหนึ่งซึ่งอุดมไปด้วยกองเสื้อผ้าใส่แล้วที่ทับถมกันอยุ่เป็นกองพะเนิน ชายหนุ่มอุ้มตะกร้าผ้าพร้อมกับขวดน้ำยาซักผ้าฝืนลงบันไดของอพาทเมนต์ด้วยความง่วงงุน

แสงแดดภายนอกอาคารรอต้อนรับเขาอยู่แล้ว ทันทีที่เขาเปิดประตูบานใหญ่ที่ชั้นล่างสุดของล๊อบบี้ เหล่าแสงแดดพากันรุมล้อมเขาเหมือนจากกันมานาน
ชายหนุ่มยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ปล่อยให้แสงแดดสัมผัสทุกส่วนของเขาจนพอใจ และเมื่อรู้สึกถึงความเร่าร้อนของแสงแดด ชายหนุ่มจึงก้าวเท้าออกจากอพาทเมนต์แห่งนั้น

จุดหมายในวันนี้ของชายหนุ่มคือร้านซักผ้าที่เยื้องอยู่ตรงหัวมุมนี่เอง
ร้านซักผ้าแห่งนี้นั้นเปิดตั้งแต่ 6 โมงเช้า จนถึง 4 ทุ่ม
ชายหนุ่มมาใช้บริการที่ร้านซักผ้านี่ตั้งแต่เขาย้ายมาอาศัยอยู่ที่อพาทเมนต์ที่ว่า เขาไม่แน่ใจว่าร้านซักผ้านี้อยู่มานานเท่าไหร่ แต่จากสภาพภายในร้านเขาคิดว่าน่าจะเปิดมานานพอสมควร

ชายหนุ่มจัดแจงวางตะกร้าผ้าไว้บนโต๊ะเหล็กกลางร้าน เวลาเช้าแบบนี้ไม่ค่อยจะมีคนมาใช้บริการร้านซักผ้านี้เท่าไหร่นัก เขาจึงเดินไล่เปิดเครื่องซักผ้าทีละตู้
การซักผ้าก็เหมือนกับการทำอาหาร ครัวไหนๆก็ทำอาหารออกมาได้เหมือนกัน แต่ครัวที่สกปรกไม่สามารถทำอาหารที่สะอาดออกมาได้
ด้วยเหตุนี้ชายหนุ่มจึงใช้เวลาพิถีพิถันกับการเลือกเครื่องซักผ้าที่ถูกใจ

วันนี้เป็นคิวของเครื่องซักผ้ามุมขวา แม้เครื่องนี้จะไม่ใช่เครื่องที่ชายหนุ่มใช้ประจำแต่ก็ไม่มีปัญหาอะไร เขายกตะกร้าผ้าเกยกับประตูของเครื่องซักผ้า จากนั้นจึงเริ่มขยุ้มกองผ้าแล้วโยนเข้าไปในเครื่องซักผ้านั้น
เมื่อผ้าทั้งหมดเข้าไปอยู่ในเครื่องแล้ว เขาก็เปิดลิ้นชักเล็กๆข้างตู้เพื่อเทน้ำยาซักผ้าลงไป จากนั้นจึงปรับสวิทช์น้ำอุ่นและหยอดเหรียญเพื่อเริ่มกระบวนการซักผ้า

เช้าที่เงียบสงบกับแดดอุ่นๆ และช่วงเวลาสี่สิบนาทีที่กองผ้าของเขาหมุนอยู่ในเครื่องซักผ้าเล็กๆ เป็นช่วงเวลาสงบของเขา ชายหนุ่มวางแผนถึงช่วงเวลาต่อจากนี้ว่าเขาควรจะทำอะไรบ้างในวันนี้ อาหารมื้อเที่ยงจะไปกินที่ไหนดี มีของจำเป็นอะไรบ้างที่ต้องซื้อเข้ามาเก็บในบ้าน ไส้กรอกที่ซื้อมาน่าจะหมดแล้ว หรือเขาควรจะโละของในตู้เย็นทิ้งไปดีแต่ที่ว่าก็อาจจะไม่จำเป็นอีกแล้ว

ขณะที่ชายหนุ่มกำลังล่องไปกับความคิดเรื่องอาหารกลางวัน เขาก็ถูกขัดจังหวะด้วยเสียงกระดิ่งเปิดประตู เขาหันไปดูจึงเห็นผู้หญิงคนหนึ่งใส่เสื้อแจ๊คเกตบุนวมกับรองเท้าบูท เธอลากตะกร้าพลาสติกที่มีล้อเข้ามาและหยุดอยู่ที่โต๊ะเหล็กกลางร้าน ชายหนุ่มลอบมองหญิงสาว เขาไม่เคยเห็นเธอมาก่อน บางทีเธออาจเพิ่งมาที่ร้านซักผ้าแห่งนี้เป็นครั้งแรก แต่จะว่าไปเขาก็ไม่ค่อยเห็นคนที่มาใช้บริการคนอื่นเช่นกัน ที่จริงแล้วเขาพยายามเลี่ยงช่วงเวลาที่ผู้คนมาใช้บริการร้านซักผ้าแห่งนี้ ความหนาแน่น เสียงดังและชุลมุนทำให้ช่วงเวลาซักผ้าของเขาถูกรบกวน หญิงสาวมองไปรอบๆร้าน สายตาของเธอไล่ไปตามเครื่องซักผ้าที่รายล้อมรอบตัวเธอ บางทีเธออาจจะกำลังตัดสินใจว่าวันนี้จะใช้เครื่องซักผ้าเครื่องไหนดี หรืออาจจะประหลาดใจที่มีคนมาซักผ้าแล้วก่อนเธอก็ได้

หญิงสาวหันมองไปทางซ้ายและขวาอยู่เงียบๆสักพัก แล้วจึงเดินไปที่เครื่องซักผ้าริมในสุด ชายหนุ่มลอบมองหญิงสาวจัดการหยิบเสื้อผ้าใส่ตู้ทีละชิ้นอยู่เงียบๆ เธอล้วงกระเป๋าหยิบเศษเหรียญออกมานับ เขาเห็นเธอก้มนับเศษเหรียญในมือแล้วล้วงกระเป๋าอยู่ สอง-สามครั้ง เธอกำเหรียญในมือแล้วมองไปที่เครื่องซักผ้าแล้วหันกลับมามองมือที่กำเศษเหรียญไว้อีกครั้ง บางทีเศษเหรียญที่เธอเตรียมไว้อาจจะไม่พอดี และแถวนี้ก็ไม่มีเครื่องแลกเหรียญเสียด้วย เขารู้เพราะเขาก็เคยประสบเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน ชายหนุ่มหยิบกล่องบุหรี่เหล็กขนาดเล็กซึ่งภายในบรรจุไปด้วยเหรียญออกมา เขาดีดฝาเหล็กตามจังหวะที่เธอก้าวเดินเข้ามา

เธอเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเขา แล้วเอ่ยถามด้วยความสุภาพว่าเขาพอจะมีเศษเหรียญให้เธอแลกได้ไหม ชายหนุ่มถามว่าเธอต้องการอีกเท่าไหร่ เมื่อทราบจำนวนแล้วเขาจึงหยิบเหรียญในส่วนนั้นให้เธอ หญิงสาวรับเหรียญมาแล้วยื่นธนบัตรที่มีจำนวนเดียวกันให้เขา ชายหนุ่มปฎิเสธแม้หญิงสาวจะคะยั้นคะยอให้เขารับแค่ไหนก็ตาม เมื่อเห็นว่าความพยายามไม่เป็นผล เธอจึงยิ้มให้และกล่าวขอบคุณเขา ชายหนุ่มยิ้มรับคำขอบคุณและเฝ้ามองหญิงสาวเดินไปที่เครื่องซักผ้าของเธอ

คนทั่วไปอาจจะคิดว่าชายหนุ่มยอมแลกเศษเหรียญเพียงนิดหน่อยกับมิตรภาพที่อาจจะงอกเงย แต่แท้จริงแล้วเงินไม่ใช่สิ่งสำคัญสำหรับชายหนุ่มอีกต่อไป อย่างน้อยก็อีกยี่สิบนาทีจนกว่าจะซักผ้าเสร็จ ก็เพราะวันนี้น่ะเป็นวันที่อนุญาตให้เราซักและตายยังไงล่ะ


No comments:

Post a Comment