ที่คณะสถาปัตย์ฯ เราใช้เวลาเรียนตามปกติทั้งหมด 5 ปี ในขณะที่คณะอื่นๆนั้น (ยกเว้น หมอ เภสัช) จะใช้เวลา 4 ปี ในการจบการศึกษาแบบปกติ
วิชาที่เรียนส่วนมากจึงเป็นวิชาในคณะ นอกจากเวลาเรียนแล้วที่เหลือจึงเป็นเวลาทำงาน
ช่วงชีวิตวัยเรียนส่วนมากชาวถาปัตย์จึงมักจะหมกตัวอยู่แต่ในคณะกันเป็นส่วนใหญ่
การพบปะเพื่อนต่างคณะจึงเป็นเรื่องที่ต้องตั้งใจนิดหนึ่ง ทั้งในเรื่องของเวลาและโอกาสที่จะได้เจอเพื่อนใหม่ต่างคณะ
ดังนั้นแล้วการเดินอ้อยอิ่งชมนกชมไม้ระหว่างเดินทางไปกินข้าวต่างคณะจึงเป็นกิจกรรมยอดนิยมยามว่างเสมอ
แต่มีกุศโลบายอย่างหนึ่งที่ทำให้ชาวคณะได้มีโอกาสไปเปิดหูเปิดตานอกคณะโดยความจำเป็น
กุศโลบายที่ว่าคือ การไปเรียนวิชาเลือกนอกคณะ
ตอนนั้นเป็นช่วงภาคเรียนฤดูร้อน ผมและเพื่อนๆในกลุ่มซึ่งมีพ้งอยู่ด้วย
ได้พากันไปเรียนวิชาเลือกตัวนึงด้วยกัน นัยว่ามาเป็นกลุ่มอย่างน้อยก็น่าจะช่วยกันดันกันขึ้นไปได้ล่ะนะ
วิชานั้นคือ Our body เป็นวิชาในหมวดวิชาเลือกนอกคณะ
ผมจำไม่ได้ว่าทำไมเราถึงเลือกเรียนวิชานี้กัน อาจจะมีรุ่นพี่แนะนำ หรืออาจจะลงตามๆกันมา
แต่เอาเป็นว่าทุกคนเห็นพ้องตรงกัน เราจึงยกโขยงกันไปเรียนที่ตึกของคณะเภสัชฯ
การเปลี่ยนบรรยากาศการเรียนย่อมดีเสมอ ยิ่งอยู่ในช่วงฤดูร้อนเสียด้วย ทำให้คลายความเบื่อของการเรียนไปได้เยอะ
ยิ่งเจอบรรดาเพื่อนนิสิตหน้าใหม่ๆ สดใสๆ ยิ่งทำให้ฤดูร้อนของเหล่าวัยรุ่นยิ่งโหมกระพือขึ้น
ถ่านไฟยิ่งถูกลมตีก็ยิ่งร้อน #พ้งเองก็เช่นกัน
จิตใจวัยรุ่นหนุ่มแรกแย้มที่มาจากโรงเรียนชายล้วนก็ถูกความร้อนแรงของชีวิตหนุ่มสาวกระพือขึ้น
และในฤดูร้อน ปี 2543 ที่คาบแรกของชั้นเรียนวิชา Our body ที่คณะเภสัชฯ
หัวใจของพ้งที่เปื้อนเหงื่อไคลและกล้ามเนื้อชายหนุ่มมา 18 ปี ก็ถูกสั่นคลอนด้วยสาวคนหนึ่ง
เธอคนนั้นเป็นนิสิตสาวต่างคณะ ไม่ปรากฏชื่อเสียงเรียงนาม มีแค่นิยามจากพ้งสั้นๆว่า น่ารัก ขาว ผมยาว
เพียงแค่นั้นก็สามารถกระชากหัวใจชายหนุ่มไปได้ในพริบตาแรก และหลังจากนั้นพ้งก็มีเป้าหมายในการมาเรียนเพิ่มขึ้น
ทุกๆครั้งในคาบวิชานั้น พ้งจะนั่งที่เก้าอี้ริมทางเดินตัวเดิม ในชุดเสื้อเชิ้ตขาวพับแขน กับกางเกงสแลคบ้าง ยีนส์บ้างอย่างเรียบร้อย
ผมเผ้าที่ไม่เคยหวียังไงก็ยังไม่เคยหวีอย่างนั้น แต่ดูมีความสะอาดเพิ่มขึ้น
และเมื่อคาบเรียนนั้นเริ่มขึ้น นอกจากการฟังเสียงอาจารย์ผู้สอนแล้ว
พ้งก็มักจะชำเลืองมองไปทางสาวคนนั้นอยู่บ่อยครั้ง
เหตุการณ์ดำเนินไปเช่นนี้จนถึงการสอบปลายภาค
เมื่อภาคฤดูร้อนนี้หมดไป เทอมใหม่ก็จะเริ่มต้นขึ้น
นั่นแปลว่าหลังจากการสอบนี้เสร็จสิ้น เราจะแยกจากบรรดานิสิตต่างคณะเหล่านี้
โอกาสที่จะได้เจอกันคงไม่มากถ้าไม่ได้รู้จักกัน ช่วงเวลานี้จึงเป็นโอกาสสุดท้ายของพ้งที่จะได้เจอสาวคนนั้น
ขณะที่เพื่อนๆจับกลุ่มคุยกันอยุ่นั้น สาวคนนั้นก็เดินผ่านมากับเพื่อนของเธอ
เธอเดินออกจากประตูคณะเภสัชไปทางสยาม และทันทีที่เธอข้ามถนนไปยังอีกฝั่ง
พ้งก็ลุกขึ้นยืนโดยไม่พูดอะไร แล้วออกเดินดุ่มๆไปทางสาวคนนั้น
พวกเรามองพ้งก้าวเท้าอย่างเร่งรีบ พลางลุ้นว่าพ้งจะตามเธอทันก่อนที่เธอจะหายไปกับฝูงคนในสยามสแควร์ได้หรือไม่
บรรยากาศในตอนนั้นเหมือนผู้คนรอบตัวพ้งหยุดนิ่ง มีเพียงพ้งเท่านั้นที่เคลื่อนไหวฝ่ากาลเวลา
ทำให้ผมนึกถึงคำพูดของนีล อามสตรองที่ว่า "ก้าวเล็กๆของคนๆหนึ่ง แต่เป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติ"
และตอนนี้พ้งกำลังก้าวข้ามก้าวที่ว่านั้นอยู่ด้วยฝีเท้าที่ซอยยิกๆ เพราะสาวคนนั้นเริ่มเดินไปไกลแล้ว
พวกเรามองพ้งวิ่งลับประตูคณะเภสัชฯไป พลางส่งสายตาเพื่อเป็นกำลังใจให้กับพ้ง
เพื่อนหลายคนนับถือในความกล้าของพ้งที่ไม่รู้วันนั้นมันไปกินอะไรมา และเริ่มจับกลุ่มพูดคุยกันถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
คนที่ไม่รู้เรื่องราวมาก่อนก็ซักไซร้ไล่เรียงให้คนที่รู้ขยายความมา
แต่ยังไม่ทันที่ไอ้คนที่รู้ตั้งแต่ต้นจะเล่าเรื่องราวให้คนที่เพิ่งรู้เข้าใจเหตุการณ์จนจบ พ้งก็เดินกลับมา
"อ้าว ทำไมกลับมาเร็วจังวะ" เพื่อนในกลุ่มทักพ้ง
"เออ กลับมาแล้ว" พ้งตอบพร้อมฉีกยิ้มกว้าง
"แล้วยังไง คือมึงวิ่งตามเขาไป"
"ใช่ คือกูอยากรู้จักเขาไง" พ้งตอบพร้อมยิ้มกว้างเกือบถึงรูหู
"เชี่ย แล้วยังไง มึงได้รู้จักเขาไหมวะ" เพื่อนๆพากันระดมซัก
"รู้สิ เขาชื่อเปิ้ลนะ" พ้งตอบพลางบิดตัวเกือบครบรอบ
"เหยดดดดดดดดด พ้งแม่งแน่เว้ย" เพื่อนๆพากันเฮให้กับความสำเร็จของพ้ง
"แล้วไงต่อๆ" ความอยากรู้ผลักให้ใครสักคนถาม
"เขาชื่อเปิ้ล อยู่ปีสอง มาเรียนวิชานี้เป็นวิชาเลือกเหมือนกัน" พ้งตอบแล้วบิดตัวไปทางซ้าย
"เออ แล้วไงต่อ" เพื่อนๆพากันลุ้นว่าพ้งจะกล้าขอเบอร์โทรศัพท์หรือเปล่า
"อ๋อ พอเขาบอกว่าอยู่ปีสองเสร็จ กูก็เลย" พ้งพูดพลางบิดตัวกลับมาอีกด้าน
"เออ มึงก็เลยขอเบอร์อ่ะ"
"กูก็เลยยกมือไหว้เขา แล้วเดินออกมา" พ้งตอบพร้อมยิ้มตาหยี
ขณะที่เพื่อนๆกำลังอึ้งและทึ่งว่าพ้งสามารถเปลี่ยนสถานะจากเพื่อนมาเป็นพี่ได้อย่างรวดเร็ว พ้งก็กล่าวสรุปสั้นๆว่า
"แต่ยังดีนะ พอกูถามว่าผมจะได้เจอพี่อีกไหม เขาก็ตอบว่าถ้ามีบุญก็คงได้เจอ" แล้วพ้งก็ยิ้มตาหยีและขำให้กับตัวเอง
สาธุ...
No comments:
Post a Comment