Tuesday, August 5, 2014
Run Salmon Run
หลายครั้งที่ผมมักจะตั้งคำถามกับตัวเองว่าชีวิตนี้เราเกิดมาเพื่ออะไร คำตอบที่ได้ก็แปรผันไปกับอารมณ์และสถานการณ์ขณะนั้น ยิ่งคิดยิ่งมีคำตอบได้ร้อยแปดแม้ว่าจะมาจากคำถามเพียงคำถามเดียวก็ตาม ยกตัวอย่างง่ายๆเช่น การวิ่ง การที่คนเราจะออกวิ่งนั้นมีเรื่องที่เป็นเหตุให้ออกวิ่งได้มากมาย โดยแต่ละคนก็มีคำตอบที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นวิ่งเพื่อออกกำลังกาย วิ่งเพื่อลดน้ำหนัก วิ่งเพื่อเพื่อสุขภาพ หรือบางคนอยากพบชีวิตใหม่ก็ออกวิ่ง คำตอบที่ว่ามาทั้งหมดเป็นผลจากกระบวนการคิดหลายชั้นของคน แล้วถ้าเราถามคำถามเดียวกันกับสัตว์ที่มีกระบวนการคิดแค่ชั้นเดียวล่ะ ผมขอยกตัวอย่างจากสารคดีเกี่ยวกับแซลม่อนที่เพิ่งได้ดูไปไม่นานนี้ ถ้าเราถามแซลม่อนว่าทำไมมันถึงออกวิ่ง แซลม่อนคงไม่ต้องไปนึกพรรณาหาเหตุทั้งหลายมาตอบเรา เพราะเหตุผลที่มันออกวิ่งนั้นได้ฝังตัวอยู่ในสายเลือดมาแล้วตั้งแต่เกิด
เมื่อแรกเกิดเหล่าแซลม่อนน้อยจะใช้ชีวิตอยู่ในแม่น้ำ จนเมื่อย่างเข้าสู่วัยรุ่นจึงจะไปใช้ชีวิตที่เหลือท่องโลกกว้างในมหาสมุทร จากนั้นเมื่อสนุกเต็มที่และเก็บเกี่ยวประสบการณ์ได้มากพอจนเข้าสู่วัยผู้ใหญ่แล้ว จึงจะกลับมาบ้านเกิดที่แม่น้ำเพื่อมีลูก จะน่าเศร้าก็ตรงที่แซลม่อนที่มาจากมหาสมุทรแปซิฟิก เมื่อทำการผสมพันธุ์แล้วก็จะตายไปเลย ผิดกับแซลม่อนที่โตมาจากฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติกที่มีชีวิตยืนยาวสามารถกลับมาผสมพันธุ์เป็นประจำได้ทุกปี นี่ถ้ามีใครทำป้ายบอกเหล่าแซลม่อนน้อยตั้งแต่แรกเกิดก็คงดี มันจะได้ไม่เลี้ยวไปทางฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกซะ
แซลม่อนที่โตเต็มวัยและพร้อมจะผสมพันธุ์แล้วจะพากันมาที่แม่น้ำที่มันเกิด โดยใช้ gps ของร่างกายมันคำนวณกับสนามแม่เหล็กโลก ทำให้เหล่าแซลม่อนหาพิกัดของแม่น้ำเจอได้แม้ว่าในตอนนั้นมันจะอยู่ที่ส่วนไหนของมหาสมุทรก็ตาม แรงที่ว่าจะเป็นตัวจูงมันมาที่แม่น้ำนี้ จากนั้นเมื่อเข้ามาอยู่ในแม่น้ำแล้วเหล่าแซลม่อนจะใช้การดมกลิ่นเพื่อตามรอยไปหาสถานที่ๆมันเกิด กระบวนการทางเทกนิคก็มีเท่าที่ว่านี้หลังจากนี้คือแรงใจล้วนๆ เหล่าแซลม่อนทั้งหลายที่ต่างก็ตั้งหน้าตั้งตาวิ่งเพื่อที่จะไปถึงบ้านเกิดของมันให้เร็วที่สุด ปรากฏการณ์ที่ว่าจึงเป็นที่มาของชื่อ "Salmon run"
การวิ่งของแซลม่อนนี้เปรียบได้กับการวิ่งวิบากมาราธอน ระยะเวลาที่ใช้อาจจะกินเป็นสัปดาห์หรือป็นเดือนก็ได้ขึ้นกับสภาพแวดล้อมในขณะนั้น แซลม่อนจะใช้การกระโจนเพื่อทวนน้ำขึ้นไปทางต้นน้ำ ซึ่งลักษณะของแม่น้ำในบางส่วนมีลักษณะเป็นขั้นบันไดหรือเป็นลักษณะคล้ายเขื่อนก็มี ดังนั้นการว่ายทวนน้ำอย่างสบายใจตลอดทางนั้นก็เป็นไปไม่ได้ ในบางจุดเหล่าแซลม่อนนี้ต้องใช้การกระโดดเข้าช่วย บางครั้งเมื่อฟ้าฝนไม่เป็นใจบริเวณที่เคยเป็นแม่น้ำก็อาจจะกลายเป็นแอ่งน้ำตื้นๆ เหล่าแซลม่อนทั้งหลายก็ไม่สามารถที่จะเคลื่อนที่ไปไหนได้ ได้แต่รอคอยให้น้ำมาซึ่งบ้างครั้งอาจกินเวลาหลายสัปดาห์ และนอกจากนี้แซลม่อนยังมีศัตรูตัวฉกาจคือหมีกริซลี่ผู้หิวโหย หมาป่าผอมโซและนกอินทรีย์หิวจัด ที่จ้องจะงับ กระชาก และจิกเหล่าแซลม่อนอยู่แล้ว โดยฝูงหมีมักจะยืนออกันตรงตำแหน่งที่เหล่าแซลม่อนจะต้องกระโดดเพื่อข้ามไปยังต้นน้ำอีกฝั่ง หมีตัวที่โหดที่สุดและแข็งแรงที่สุดจะได้ตำแหน่งที่ดีที่สุดไปครอง ตำแหน่งที่มันได้นั้นเจ้าหมีไม่ต้องทำอะไรมากไปกว่าการยืนอ้าปากเฉยๆแล้วให้แซลม่อนกระโดดมาเข้าปากเอง
แซลม่อนที่อยู่ใต้น้ำไม่อาจคาดเดาได้ว่าจะมีอะไรรออยู่ข้างหน้า สิ่งที่มันทำได้เพียงอย่างเดียวคือพุ่งไปข้างหน้า ไม่ว่าจะวิ่ง กระโดด หรือกระโจน ในจำนวนแซลม่อนทั้งหมดจะมีแซลม่อนที่โชคร้ายไปไม่ถึงฝั่งฝันอยู่จำนวนหนึ่ง ส่วนแซลม่อนที่รอดผ่านมาได้ก็จะเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย บางตัวอาจจะปากงุ้ม หลังโก่ง และเปลี่ยนสีจากเงินวาบวับเป็นแดงแวววาว นั่นยิ่งแสดงให้เห็นว่าแซลม่อนนั้นเข้าใกล้บ้านเกิดของมันขึ้นทุกที และเมื่อถึงที่หมายแซลม่อนจะจับคู่กันจากนั้นแซลม่อนตัวเมียจะใช้หางเขี่ยก้อนกรวดกวาดพื้นออกทำเป็นรังแล้วปล่อยไข่ลงมา จากนั้นแซลม่อนตัวผู้จะจัดการฉัดน้ำเชื้อลงไปก็เป็นอันเสร็จสิ้นภารกิจ แซลม่อนที่มาจากมหาสมุทรแปซิฟิกก็จะอ่อนแรงลงและค่อยๆตายไปในที่สุด ขณะที่แซลม่อนที่มาจากมหาสมุทรแอตแลนติกก็จะเฮฮากับบ้าน ก่อนที่จะกลับมาใหม่ปีหน้า
ผมดูสารคดีเรื่องนี้จบด้วยความทึ่ง ทึ่งในความพยายามของเหล่าแซลม่อนผู้กล้า และทึ่งในความลับของธรรมชาติที่แม้ไม่ได้มีการจัดอบรมสัมนาแต่เหล่าแซลม่อนทั้งหลายต่างก็รู้หน้าที่ตนเองโดยที่ไม่ต้องมีคนบอกว่าต้องทำตัวอย่างไรเมื่อถึงเวลา ทำให้ผมคิดขึ้นมาว่าถ้าเราตัดข้อแม้ทั้งหลายอย่างออกไป เราอาจจะรู้ก็ได้ว่าเราเกิดมาเพื่ออะไร
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
No comments:
Post a Comment