Friday, June 21, 2013
Wednesday, June 19, 2013
Friday, June 14, 2013
Hot Chocolate 2: ร้านกาแฟ
ผมยังคงนั่งอยู่ที่เดิม ปล่อยให้ความคิดไหลไปเรื่อยๆก่อนที่จะดึงสติกลับมา
ตอนนี้มันกี่โมงแล้วนะ ผมคิดพลางเหลือบดูนาฬิกาข้อมือแบบพลาสติกสีน้ำเงิน
เลขดิจิตอลบนแผงหน้านาฬิกาบอกเวลาว่า ขณะนี้เป็นเวลาเที่ยงครึ่ง
แม้จะเลยเวลาเที่ยงไปไม่นาน ผู้คนในร้านก็ไม่มากมายนัก
แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีเลย ยังคงมีผู้คนสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันเข้ามาเรื่อยๆ
เปล่า พวกเขาไม่ได้เข้ามากินกาแฟหรอก เพียงแต่ร้านกาแฟแห่งนี้ขายอาหารด้วย
หรือถ้าจะพูดให้ถูก น่าจะเรียกว่าเป็นร้านขายอาหารที่ขายกาแฟจะดีกว่า
เนื่องจากถ้าเทียบสัดส่วนจริงๆแล้ว บริเวณที่ขายกาแฟนั้น น่าจะเรียกว่ามุมมากกว่าร้าน
ด้วยพื้นที่ขนาด 5 x 5 ตร.ม.นั้นเล็กเกินกว่าจะทำอะไรได้มาก นอกจากนั่งดื่มกาแฟ...
ใช่ นั่งดื่มกาแฟ
ถ้าลองคิดดู คุณต้องการพื้นที่แค่ไหนเพื่อใช้ในการดื่มกาแฟ
อาจจะแค่พื้นที่ตรงหน้าคุณแค่หยิบมือเดียว ก็เพียงพอแล้วที่จะวางถ้วยกาแฟ
กลับกัน ถ้าคุณไปกินอาหารนอกบ้าน พื้นที่ที่จำเป็นต้องใช้นั้นเรียกได้ว่าไม่แน่นอน
ขึ้นกับอาหารที่กิน ไม่ว่าจะเป็นอาหารจานเดียว อาหารแบบกับหรืออาหารแบบหมู่คณะ
การกินอาหารนั้นใช้พื้นที่มากมาย รวมถึงพื้นที่ในกระเพาะของคุณด้วย
เอาละ ก่อนที่เรื่องมันจะเตลิดไปมากกว่านี้ ผมควรที่จะดึงความคิดกลับมาได้แล้ว
แม้ผู้คนในร้านอาหารแห่งนี้จะมีจำนวนไม่น้อย
แต่คนที่มานั่งดื่มกาแฟที่(มุม)ร้านกาแฟนี้มีแค่หยิบมือเดียว
นับจำนวนคร่าวๆก็มีแค่ 3 คนเท่านั้นเอง คือ ผม พี่ชายร้านกาแฟ และแมวน้ำที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่
ทีนี้ถ้าตัดเจ้าของร้านกาแฟซึ่งก็คือพี่ชายร้านกาแฟออกไป
ก็จะเหลือลูกค้าแค่ 2 คนเท่านั้น คือ ผม กับแมวน้ำ
ใช่ ผมกับแมวน้ำ
เดี๋ยวสิ... แมวน้ำหรอ
ผมเหลือบไปมองทางขวามือของตัวเองให้แน่ใจอีกครั้งว่าคนที่นั่งอยู่ถัดจากผมไป 2 ที่นั่งคือแมวน้ำ
แมวน้ำจะมานั่งทำอะไรในร้านกาแฟ ผมคิดพลางสำรวจทางสายตาอีกรอบ
ถ้ามองดูดีๆแล้ว สิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้านั้นคือแมวน้ำไม่ผิดแน่
ไม่ว่าจะหน้าที่แหลมออกมาแถมมีหนวดกับลำตัวที่ดูเผินๆเหมือนพินโบว์ลิ่ง
ผิดแต่ว่า แมวน้ำที่ผมเห็นนี้ใส่สูทและหมวกทรงคุณลุงพร้อมทั้งนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่อย่างสบายใจ
ผมเริ่มรู้สึกว่าต้องมีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นแน่ แต่ถ้าลองมาคิดดูดีๆแมวน้ำก็ถือเป็นสัตว์ประจำเมืองของเมืองนี้นี่นา
ด้วยภูมิประเทศที่ติดทะเล ทำให้เมืองที่ผมอยู่นี้มีท่าเรือมากมาย แน่นอนคุณย่อมจะพบสัตว์ทะเลได้ง่ายดาย
จึงเป็นธรรมดาที่จะพบแมวน้ำได้ทั่วไปตาม ชายหาด ทะเล ท่าเรือ และ ร้านกาแฟ
ใช่ ร้านกาแฟ...
ใช่หรอวะ ผมสบถในใจแต่เหมือนแมวน้ำจะสังเกตอาการกระสับกระส่ายของผมได้
"วันนี้อากาศดีนะครับ" แมวน้ำเอ่ยปาก
"อ้า ครับ อากาศดี" ผมเพิ่งรู้ว่าแมวน้ำพูดได้ก็วันนี้เนี่ยละ
"น่าเสียดายนะครับที่พรุ่งนี้ฝนจะตก อากาศเมืองนี้ก็อย่างนี้แหละครับ" แมวน้ำเปิดฉากสนทนาตามมารยาท
ผมเคยอ่านเจอว่าสัตว์จะมีประสาทรับรู้บางเรื่องดีกว่ามนุษย์ รวมถึงเรื่องนี้ด้วยละมั้ง
ผมนิ่งเงียบด้วยไม่รู้ว่าจะถามอะไร ถ้าจะถามว่าชอบกินปลาชนิดไหน
ก็ดูจะเป็นการเสียมารยาทสำหรับคนที่เพิ่งเจอกันครั้งแรก
"คุณชอบเมืองนี้ไหม" แมวน้ำถามพลางพลิกหน้าหนังสือพิมพ์
"ชอบครับ ผมชอบเมืองที่อากาศดีไม่หนาวไม่ร้อนเกินไป" ผมตอบ
"เหมือนผมเลย" แมวน้ำชูคอพร้อมยิ้มกว้าง
"ผมน่ะ ชอบวันที่อากาศดีมากๆเลย ยิ่งวันไหนที่แดดออกนะ ผมนอนได้ทั้งวัน"
ไม่ผิดแน่ ข้อความเมื่อกี้เป็นการยืนยันว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้าผมคือแมวน้ำแท้ๆ
"คุณอยุ่เมืองนี้มานานเท่าไหร่แล้วล่ะ" แมวน้ำพับหนังสือพิมพ์เก็บแล้วหันหน้ามามองผม
" 3 ปีครับ คุณล่ะ" ผมตอบ ถึงตอนนี้ผมคิดได้ว่าอาจจะเป้นการไม่สุภาพที่เรียกชื่อห้วนๆมาซะนาน
"โอ๊ย ผมหรอ 30 กว่าปีแล้วล่ะ" คุณแมวน้ำตอบพร้อมกับหาวหวอด
"คุณอาศัยอยู่ที่ไหน" คุณแมวน้ำเจรจาต่อ
"ผมอยู่แถวซันเซ็ทครับ" ผมตอบ
"โอ ไกลนะนั่น ผมก็มีญาติอยู่แถวนั้นเหมือนกัน"
ผมเริ่มสงสัยว่าแมวน้ำที่ผมเคยเห็นแถวนั้นจะใช่ญาติของคุณแมวน้ำหรือเปล่า
"ก็ไม่ไกลหรอกครับ นั่งรถไฟมาก็ไม่นานเท่าไหร่" ผมตอบพร้อมกับถามกลับ
"แล้วคุณล่ะครับ บ้านอยู่แถวไหนหรอครับ"
คุณแมวน้ำนิ่งไปพักนึงก่อนจะตอบว่า
"บ้านหรอ ผมไม่มีหรอก เกิดมาผมก็อยูในทะเลมาตลอดแหละ เหนื่อยไหนก็พักนั่น
บางทีก็อาจจะรวมตัวกันอยู่ที่ใดที่หนึ่งนานหน่อย ก่อนจะย้ายไปที่อื่น
ผมไม่ยึดติดว่าที่ใดที่หนึ่งเป้นบ้านหรอก เพราะอยู่ในทะเลไม่ว่าที่ไหนมันก้เชื่อมถึงกันหมด
เอ หรือว่าจะเรียกว่าทะเลคือบ้านของผมก็ได้นะ"
จริงแท้ ผมน่าจะคาดเดาได้ว่าคำตอบที่ได้รับน่าจะเป็นเช่นนี้
คำว่าบ้านก็เป็นเพียงสิ่งที่มนุษย์กำหนดขึ้นมาให้มีความหมายเฉพาะกลุ่ม
ถ้าผมถามว่าอาณาเขตคุณอยู่ที่ไหน อาจจะได้รับคำตอบที่ง่ายกว่า
แต่ก็อีกน่ะแหละ ผมเองก้ไม่รู้ว่าแมวน้ำเป็นสัตว์ที่หวงถิ่นหรือไม่
คุณแมวน้ำดูเริ่มจะสนใจผมขึ้นมานิดนึง สังเกตจากอาการผงกหัวขึ้นลงเป้นจังหวะ
"ว่าแต่ว่าเถอะ" คุณแมวน้ำเกริ่นก่อนจะสาธยายต่อ
"คุณน่ะ เคยได้ยินคำว่าปรากฏการณ์แมวน้ำมั้ย"
"ปรากฏการณ์แมวน้ำ" ผมทวนคำ
"มันคืออะไรหรอครับ"
"โห่ อะไรกันคุณไม่ได้ติดตามข่าวสารบ้านเมืองเลยหรอ" แน่นอนผมเข้า facebook บ่อยกว่า cnn
"ก็ที่มีข่าวว่าจู่ๆ แมวน้ำก็หายไปจากท่าเรือหมายเลข 39 หมดเลยน่ะสิ" คุณแมวน้ำตอบ
"อ๋อ ถ้าอันนั้นผมเคยได้ยินมาบ้างครับ" ขอบคุณที่เพื่อนร่วมงานผมเธอโพสข่าวนี้ไว้ใน facebook ของเธอ
"แล้วมันเกี่ยวยังไงกับปรากฏการณ์แมวน้ำหรอครับ" ผมเริ่มเกิดความสงสัย
คุณแมวน้ำมองหน้าก่อนที่จะยิ้มจนปากแทบฉีกถึงหู (ถ้าแมวน้ำมีหูนะ) ก่อนจะตอบว่า
"เรื่องนั้นช่างมันก่อน ว่าแต่คุณเถอะ มานั่งร้านกาแฟแล้วได้สั่งอะไรไปหรือยังล่ะ"
"ผมสั่งไปแล้วครับ ผมสั่ง Hot Chocolate ไป" ผมพูดพร้อมกับหันไปทางพี่ชายร้านกาแฟ
ทว่าไม่มีพี่ชายร้านกาแฟอยู่ตรงที่แห่งนั้น ทั้งๆที่เมื่อไม่กี่นาทีก่อนผมยังเห็นพี่ชายร้านกาแฟอยู่เลย
ขณะที่กำลังเรียบเรียงลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่นั้น
ผมก็หันกลับไปพบกับรอยยิ้มแสนประหลาดของคุณแมวน้ำตอบกลับมา...
ตอนนี้มันกี่โมงแล้วนะ ผมคิดพลางเหลือบดูนาฬิกาข้อมือแบบพลาสติกสีน้ำเงิน
เลขดิจิตอลบนแผงหน้านาฬิกาบอกเวลาว่า ขณะนี้เป็นเวลาเที่ยงครึ่ง
แม้จะเลยเวลาเที่ยงไปไม่นาน ผู้คนในร้านก็ไม่มากมายนัก
แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีเลย ยังคงมีผู้คนสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันเข้ามาเรื่อยๆ
เปล่า พวกเขาไม่ได้เข้ามากินกาแฟหรอก เพียงแต่ร้านกาแฟแห่งนี้ขายอาหารด้วย
หรือถ้าจะพูดให้ถูก น่าจะเรียกว่าเป็นร้านขายอาหารที่ขายกาแฟจะดีกว่า
เนื่องจากถ้าเทียบสัดส่วนจริงๆแล้ว บริเวณที่ขายกาแฟนั้น น่าจะเรียกว่ามุมมากกว่าร้าน
ด้วยพื้นที่ขนาด 5 x 5 ตร.ม.นั้นเล็กเกินกว่าจะทำอะไรได้มาก นอกจากนั่งดื่มกาแฟ...
ใช่ นั่งดื่มกาแฟ
ถ้าลองคิดดู คุณต้องการพื้นที่แค่ไหนเพื่อใช้ในการดื่มกาแฟ
อาจจะแค่พื้นที่ตรงหน้าคุณแค่หยิบมือเดียว ก็เพียงพอแล้วที่จะวางถ้วยกาแฟ
กลับกัน ถ้าคุณไปกินอาหารนอกบ้าน พื้นที่ที่จำเป็นต้องใช้นั้นเรียกได้ว่าไม่แน่นอน
ขึ้นกับอาหารที่กิน ไม่ว่าจะเป็นอาหารจานเดียว อาหารแบบกับหรืออาหารแบบหมู่คณะ
การกินอาหารนั้นใช้พื้นที่มากมาย รวมถึงพื้นที่ในกระเพาะของคุณด้วย
เอาละ ก่อนที่เรื่องมันจะเตลิดไปมากกว่านี้ ผมควรที่จะดึงความคิดกลับมาได้แล้ว
แม้ผู้คนในร้านอาหารแห่งนี้จะมีจำนวนไม่น้อย
แต่คนที่มานั่งดื่มกาแฟที่(มุม)ร้านกาแฟนี้มีแค่หยิบมือเดียว
นับจำนวนคร่าวๆก็มีแค่ 3 คนเท่านั้นเอง คือ ผม พี่ชายร้านกาแฟ และแมวน้ำที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่
ทีนี้ถ้าตัดเจ้าของร้านกาแฟซึ่งก็คือพี่ชายร้านกาแฟออกไป
ก็จะเหลือลูกค้าแค่ 2 คนเท่านั้น คือ ผม กับแมวน้ำ
ใช่ ผมกับแมวน้ำ
เดี๋ยวสิ... แมวน้ำหรอ
ผมเหลือบไปมองทางขวามือของตัวเองให้แน่ใจอีกครั้งว่าคนที่นั่งอยู่ถัดจากผมไป 2 ที่นั่งคือแมวน้ำ
แมวน้ำจะมานั่งทำอะไรในร้านกาแฟ ผมคิดพลางสำรวจทางสายตาอีกรอบ
ถ้ามองดูดีๆแล้ว สิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้านั้นคือแมวน้ำไม่ผิดแน่
ไม่ว่าจะหน้าที่แหลมออกมาแถมมีหนวดกับลำตัวที่ดูเผินๆเหมือนพินโบว์ลิ่ง
ผิดแต่ว่า แมวน้ำที่ผมเห็นนี้ใส่สูทและหมวกทรงคุณลุงพร้อมทั้งนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่อย่างสบายใจ
ผมเริ่มรู้สึกว่าต้องมีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นแน่ แต่ถ้าลองมาคิดดูดีๆแมวน้ำก็ถือเป็นสัตว์ประจำเมืองของเมืองนี้นี่นา
ด้วยภูมิประเทศที่ติดทะเล ทำให้เมืองที่ผมอยู่นี้มีท่าเรือมากมาย แน่นอนคุณย่อมจะพบสัตว์ทะเลได้ง่ายดาย
จึงเป็นธรรมดาที่จะพบแมวน้ำได้ทั่วไปตาม ชายหาด ทะเล ท่าเรือ และ ร้านกาแฟ
ใช่ ร้านกาแฟ...
ใช่หรอวะ ผมสบถในใจแต่เหมือนแมวน้ำจะสังเกตอาการกระสับกระส่ายของผมได้
"วันนี้อากาศดีนะครับ" แมวน้ำเอ่ยปาก
"อ้า ครับ อากาศดี" ผมเพิ่งรู้ว่าแมวน้ำพูดได้ก็วันนี้เนี่ยละ
"น่าเสียดายนะครับที่พรุ่งนี้ฝนจะตก อากาศเมืองนี้ก็อย่างนี้แหละครับ" แมวน้ำเปิดฉากสนทนาตามมารยาท
ผมเคยอ่านเจอว่าสัตว์จะมีประสาทรับรู้บางเรื่องดีกว่ามนุษย์ รวมถึงเรื่องนี้ด้วยละมั้ง
ผมนิ่งเงียบด้วยไม่รู้ว่าจะถามอะไร ถ้าจะถามว่าชอบกินปลาชนิดไหน
ก็ดูจะเป็นการเสียมารยาทสำหรับคนที่เพิ่งเจอกันครั้งแรก
"คุณชอบเมืองนี้ไหม" แมวน้ำถามพลางพลิกหน้าหนังสือพิมพ์
"ชอบครับ ผมชอบเมืองที่อากาศดีไม่หนาวไม่ร้อนเกินไป" ผมตอบ
"เหมือนผมเลย" แมวน้ำชูคอพร้อมยิ้มกว้าง
"ผมน่ะ ชอบวันที่อากาศดีมากๆเลย ยิ่งวันไหนที่แดดออกนะ ผมนอนได้ทั้งวัน"
ไม่ผิดแน่ ข้อความเมื่อกี้เป็นการยืนยันว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้าผมคือแมวน้ำแท้ๆ
"คุณอยุ่เมืองนี้มานานเท่าไหร่แล้วล่ะ" แมวน้ำพับหนังสือพิมพ์เก็บแล้วหันหน้ามามองผม
" 3 ปีครับ คุณล่ะ" ผมตอบ ถึงตอนนี้ผมคิดได้ว่าอาจจะเป้นการไม่สุภาพที่เรียกชื่อห้วนๆมาซะนาน
"โอ๊ย ผมหรอ 30 กว่าปีแล้วล่ะ" คุณแมวน้ำตอบพร้อมกับหาวหวอด
"คุณอาศัยอยู่ที่ไหน" คุณแมวน้ำเจรจาต่อ
"ผมอยู่แถวซันเซ็ทครับ" ผมตอบ
"โอ ไกลนะนั่น ผมก็มีญาติอยู่แถวนั้นเหมือนกัน"
ผมเริ่มสงสัยว่าแมวน้ำที่ผมเคยเห็นแถวนั้นจะใช่ญาติของคุณแมวน้ำหรือเปล่า
"ก็ไม่ไกลหรอกครับ นั่งรถไฟมาก็ไม่นานเท่าไหร่" ผมตอบพร้อมกับถามกลับ
"แล้วคุณล่ะครับ บ้านอยู่แถวไหนหรอครับ"
คุณแมวน้ำนิ่งไปพักนึงก่อนจะตอบว่า
"บ้านหรอ ผมไม่มีหรอก เกิดมาผมก็อยูในทะเลมาตลอดแหละ เหนื่อยไหนก็พักนั่น
บางทีก็อาจจะรวมตัวกันอยู่ที่ใดที่หนึ่งนานหน่อย ก่อนจะย้ายไปที่อื่น
ผมไม่ยึดติดว่าที่ใดที่หนึ่งเป้นบ้านหรอก เพราะอยู่ในทะเลไม่ว่าที่ไหนมันก้เชื่อมถึงกันหมด
เอ หรือว่าจะเรียกว่าทะเลคือบ้านของผมก็ได้นะ"
จริงแท้ ผมน่าจะคาดเดาได้ว่าคำตอบที่ได้รับน่าจะเป็นเช่นนี้
คำว่าบ้านก็เป็นเพียงสิ่งที่มนุษย์กำหนดขึ้นมาให้มีความหมายเฉพาะกลุ่ม
ถ้าผมถามว่าอาณาเขตคุณอยู่ที่ไหน อาจจะได้รับคำตอบที่ง่ายกว่า
แต่ก็อีกน่ะแหละ ผมเองก้ไม่รู้ว่าแมวน้ำเป็นสัตว์ที่หวงถิ่นหรือไม่
คุณแมวน้ำดูเริ่มจะสนใจผมขึ้นมานิดนึง สังเกตจากอาการผงกหัวขึ้นลงเป้นจังหวะ
"ว่าแต่ว่าเถอะ" คุณแมวน้ำเกริ่นก่อนจะสาธยายต่อ
"คุณน่ะ เคยได้ยินคำว่าปรากฏการณ์แมวน้ำมั้ย"
"ปรากฏการณ์แมวน้ำ" ผมทวนคำ
"มันคืออะไรหรอครับ"
"โห่ อะไรกันคุณไม่ได้ติดตามข่าวสารบ้านเมืองเลยหรอ" แน่นอนผมเข้า facebook บ่อยกว่า cnn
"ก็ที่มีข่าวว่าจู่ๆ แมวน้ำก็หายไปจากท่าเรือหมายเลข 39 หมดเลยน่ะสิ" คุณแมวน้ำตอบ
"อ๋อ ถ้าอันนั้นผมเคยได้ยินมาบ้างครับ" ขอบคุณที่เพื่อนร่วมงานผมเธอโพสข่าวนี้ไว้ใน facebook ของเธอ
"แล้วมันเกี่ยวยังไงกับปรากฏการณ์แมวน้ำหรอครับ" ผมเริ่มเกิดความสงสัย
คุณแมวน้ำมองหน้าก่อนที่จะยิ้มจนปากแทบฉีกถึงหู (ถ้าแมวน้ำมีหูนะ) ก่อนจะตอบว่า
"เรื่องนั้นช่างมันก่อน ว่าแต่คุณเถอะ มานั่งร้านกาแฟแล้วได้สั่งอะไรไปหรือยังล่ะ"
"ผมสั่งไปแล้วครับ ผมสั่ง Hot Chocolate ไป" ผมพูดพร้อมกับหันไปทางพี่ชายร้านกาแฟ
ทว่าไม่มีพี่ชายร้านกาแฟอยู่ตรงที่แห่งนั้น ทั้งๆที่เมื่อไม่กี่นาทีก่อนผมยังเห็นพี่ชายร้านกาแฟอยู่เลย
ขณะที่กำลังเรียบเรียงลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่นั้น
ผมก็หันกลับไปพบกับรอยยิ้มแสนประหลาดของคุณแมวน้ำตอบกลับมา...
Hot Chocolate 1: ภาคต้น
พุธที่ผ่านมา ผมได้มีโอกาสแวะเวียนไปร้านกาแฟเจ้าประจำ
จริงๆแล้ว ผมก้ไม่ได้ตั้งใจจะเข้ามาหาอะไรดื่มหรอก
แต่วันนั้นเป็นวันที่แม้แดดจะออก ทว่าอากาศข้างนอกยังคงหนาวเย็นเหมือนเช่นเคย...
เมื่อก้าวเท้าออกจากสถานีรถไฟ ผมจึงชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งว่า
ระหว่างร้านหนังสือกับร้านกาแฟ จะตัดสินใจไปที่ไหนดี
ความหนาวบวกกับความขี้เกียจคิดแทนสมองให้เสร็จสรรพว่า
ไปที่ๆมันอุ่นและใกล้ที่สุดละกัน ชั่วสามนาทีจากสถานีรถไฟ
ผมจึงมาถึงร้านกาแฟแห่งนี้...
"หวัดดีพี่" ผมทักทายพี่ชายร้านกาแฟที่กำลังง่วนอยุ่กับการชงกาแฟตรงหน้า
"คนน้อยนะวันนี้" ผมพูดเปรยๆพร้อมกับหามุมนั่ง
พี่ชายร้านกาแฟไม่ตอบ และยังคงง่วนอยุ่กับงานที่อยู่ตรงหน้า
หลังจากกวาดตาไปมาสักพัก ผมจึงเลือกมุมที่ไม่ไกลจากเครื่องชงกาแฟมากนัก
อย่างน้อยถ้าไม่มีอะไรทำ จะได้ดูขั้นตอนการทำกาแฟแก้เบื่อ
"ขายดีมะวันนี้" ผมถามพลางคิดในใจว่าจะสั่งอะไรดี
"ก็เหมือนเดิม" พี่ชายร้านกาแฟตอบ ถึงตอนนี้เขาวางแก้วลงและจัดใส่จานรอง
ผมเหลือบไปมองดูลวดลายที่ปรากฎอยู่บนผิวของกาแฟแก้วนั้น
"ลายสวยนี่" ผมเอ่ยชม
"ขอบใจ" พี่ชายร้านกาแฟตอบ
"วันนี้จะดื่มอะไรดี" พี่ชายร้านกาแฟถามเหมือนจะให้กินฟรี
นั่นสิ... ผมจะดื่มอะไรดีวันนี้
ใจจริงอยากดื่มโอเลี้ยง แต่ร้านกาแฟที่นี่ไม่ใช่ร้านกาแฟเมืองไทยจึงไม่มีโอเลี้ยงขาย
แถมผมเองกินกาแฟชนิดไหนๆ ก็ไม่เคยแยกความแตกต่างออกเลยสักนิด
"เอา Hot chocolate ละกัน" ผมตอบไปพร้อมกับที่ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าสองครั้งล่าสุดที่มาที่นี่ก็สั่งเมนูนี้
"เอาร้อนๆ นะ คราวก่อนอุ่นไปหน่อย" ไหนๆก็ไหนๆแล้ว เลยตามเลยละกัน
พี่ชายร้านกาแฟรับออเดอร์แล้วก็หันกลับไปง่วนกับการเตรียมวัตถุดิบ
จู่ๆ พี่ชายร้านกาแฟก็หยุดคิดนิดนึง แล้วหันกลับมาถามผมว่า
"ลองของใหม่มั้ย"
"หืม เมนูใหม่หรอ อะไรอ่ะ" ผมถามพลางกวาดสายตาไปที่เมนูที่ยังคงเหมือนครั้งล่าสุด
"ยังไม่ขาย แต่จะลองมั้ย"
"เอาดิ่ อะไรหรอ" ผมสนใจแต่แอบสงสัยว่าที่ว่าไม่ขายนี่คือจะทำให้ฟรีรึ
"Hot chocolate น่ะ แต่สูตรใหม่ ราคาเบิ้ลไปอีกนะ แต่นี่ให้ลองคิดเพิ่มไม่แพง" พี่ชายร้านกาแฟตอบเหมือนรู้ว่าผมคิดอะไรอยู่
"อ่ะๆ ลองๆ" ผมเองก็เริ่มเบื่อ Hot chocolate เดิมๆขึ้นมาซะงั้น
"นานหน่อยนะ รอได้ป่ะ" พี่ชายร้านกาแฟถามเหมือนลองเชิง
"ได้พี่ ไม่รีบ" ผมตอบ
ใช่ ไม่รีบ ดูเหมือนความรีบร้อนจะไม่ได้มาเยี่ยมเยียนผมมาพักใหญ่แล้ว...
จริงๆแล้ว ผมก้ไม่ได้ตั้งใจจะเข้ามาหาอะไรดื่มหรอก
แต่วันนั้นเป็นวันที่แม้แดดจะออก ทว่าอากาศข้างนอกยังคงหนาวเย็นเหมือนเช่นเคย...
เมื่อก้าวเท้าออกจากสถานีรถไฟ ผมจึงชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งว่า
ระหว่างร้านหนังสือกับร้านกาแฟ จะตัดสินใจไปที่ไหนดี
ความหนาวบวกกับความขี้เกียจคิดแทนสมองให้เสร็จสรรพว่า
ไปที่ๆมันอุ่นและใกล้ที่สุดละกัน ชั่วสามนาทีจากสถานีรถไฟ
ผมจึงมาถึงร้านกาแฟแห่งนี้...
"หวัดดีพี่" ผมทักทายพี่ชายร้านกาแฟที่กำลังง่วนอยุ่กับการชงกาแฟตรงหน้า
"คนน้อยนะวันนี้" ผมพูดเปรยๆพร้อมกับหามุมนั่ง
พี่ชายร้านกาแฟไม่ตอบ และยังคงง่วนอยุ่กับงานที่อยู่ตรงหน้า
หลังจากกวาดตาไปมาสักพัก ผมจึงเลือกมุมที่ไม่ไกลจากเครื่องชงกาแฟมากนัก
อย่างน้อยถ้าไม่มีอะไรทำ จะได้ดูขั้นตอนการทำกาแฟแก้เบื่อ
"ขายดีมะวันนี้" ผมถามพลางคิดในใจว่าจะสั่งอะไรดี
"ก็เหมือนเดิม" พี่ชายร้านกาแฟตอบ ถึงตอนนี้เขาวางแก้วลงและจัดใส่จานรอง
ผมเหลือบไปมองดูลวดลายที่ปรากฎอยู่บนผิวของกาแฟแก้วนั้น
"ลายสวยนี่" ผมเอ่ยชม
"ขอบใจ" พี่ชายร้านกาแฟตอบ
"วันนี้จะดื่มอะไรดี" พี่ชายร้านกาแฟถามเหมือนจะให้กินฟรี
นั่นสิ... ผมจะดื่มอะไรดีวันนี้
ใจจริงอยากดื่มโอเลี้ยง แต่ร้านกาแฟที่นี่ไม่ใช่ร้านกาแฟเมืองไทยจึงไม่มีโอเลี้ยงขาย
แถมผมเองกินกาแฟชนิดไหนๆ ก็ไม่เคยแยกความแตกต่างออกเลยสักนิด
"เอา Hot chocolate ละกัน" ผมตอบไปพร้อมกับที่ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าสองครั้งล่าสุดที่มาที่นี่ก็สั่งเมนูนี้
"เอาร้อนๆ นะ คราวก่อนอุ่นไปหน่อย" ไหนๆก็ไหนๆแล้ว เลยตามเลยละกัน
พี่ชายร้านกาแฟรับออเดอร์แล้วก็หันกลับไปง่วนกับการเตรียมวัตถุดิบ
จู่ๆ พี่ชายร้านกาแฟก็หยุดคิดนิดนึง แล้วหันกลับมาถามผมว่า
"ลองของใหม่มั้ย"
"หืม เมนูใหม่หรอ อะไรอ่ะ" ผมถามพลางกวาดสายตาไปที่เมนูที่ยังคงเหมือนครั้งล่าสุด
"ยังไม่ขาย แต่จะลองมั้ย"
"เอาดิ่ อะไรหรอ" ผมสนใจแต่แอบสงสัยว่าที่ว่าไม่ขายนี่คือจะทำให้ฟรีรึ
"Hot chocolate น่ะ แต่สูตรใหม่ ราคาเบิ้ลไปอีกนะ แต่นี่ให้ลองคิดเพิ่มไม่แพง" พี่ชายร้านกาแฟตอบเหมือนรู้ว่าผมคิดอะไรอยู่
"อ่ะๆ ลองๆ" ผมเองก็เริ่มเบื่อ Hot chocolate เดิมๆขึ้นมาซะงั้น
"นานหน่อยนะ รอได้ป่ะ" พี่ชายร้านกาแฟถามเหมือนลองเชิง
"ได้พี่ ไม่รีบ" ผมตอบ
ใช่ ไม่รีบ ดูเหมือนความรีบร้อนจะไม่ได้มาเยี่ยมเยียนผมมาพักใหญ่แล้ว...
โรงพัก
เมื่อวานไปแจ้งความมือถือแฟนหายที โรงเรียน น่าจะโดนขโมยเลยไปแจ้งความเป็นเ พื่อนที่ สน.มีนบุรี
วันพฤหัสบดีธรรมดาๆไม่น่าจะมีอะ ไรนัก และนี่คือเคสที่ผมเห็นมาระหว่าง ที่รอ
- ครอบครัวแบ่งมรดกไม่ลงตัว มากันเกือบทั้งโคตร เสียงดัง เดินตึงตัง
- รถชนกัน อันนี้ประกันมาเคลียร์ให้ทั้งคู ่
- ตำรวจยึดมีดยาวสองคมมา เจ้าตัวคนพกเป็นเด็กมัธยม ปรับ100นึงแล้วปล่อยไป
- คุณตาแก่ๆเดินช้า ขยับตัวช้า ไปกดเอทีเอ็มแล้วหายสามหมื่น หายหมดเลย
แกเลยมาแจ้งความ แต่มาแจ้งผิดท้องที่ ตำรวจบอกให้แกนั่งแทกซี่ไปแต่แก ไม่มีเงินเหลือแล้ว
- เด็กช่างสองคนโดนตำรวจหิ้วเข้าม าพร้อมของกลางเป็นมีดปลายแหลม ปรับคนละ100แล้วปล่อย
- ยัยป้าที่นั่งข้างกูพยายามอ้อนว อนตำรวจเรื่องคดีมรดก แกบอกแกเซ็นอะไรไปแกอ่านไม่ออก แต่แกทำผิดไรเนี่ยล่ะและไม่มีเง ินประกันตัว ตำรวจกำลังจะเอาเข้าคุกแกก็นั่ง ร้องไห้อยู่ข้างกูเนี่ยล่ะ
- บันทึกประจำวันยังต้องคัดด้วยลา ยมืออยู่ แม่งเสียเวลาชิบหายทั้งคนแจ้งทั ้งตำรวจที่มานั่งคัดลายมือให้
- ไอ้ที่เคยได้ยินว่าคดีจะหลุดไม่ หลุดขึ้นกับตำรวจที่แต่งสำนวนเล ย คือแกต้องนั่งนึกบรรยายพรรณาโวห ารออกมาเป็นเรื่องก่อนจะบันทึกล งไป เหนื่อยอยู่นะ
- บันทึกทุกอย่างใช้เลขไทย อ่านยากสัดๆ
- คนที่อยู่ที่สน ถ้าไม่ใช่คนร้องทุกข์ก็ไอ้ตัวทำ ทุกข์ชาวบ้าน
- เวลาไปให้ใจเย็นๆ อย่าจี้ อย่าเร่ง อย่าหงุดหงิดถ้าเครื่องปริ้นท์จ ะปริ้นท์ไม่ออก หรือคุณตำรวจที่กำลังพิมพ์เรื่อ งเราอยู่ต้องเดินไปห้ามไม่ให้คุ ณป้าที่ไปโทรศัพท์แอบหนีไป
- โรงพักเก่าสัด ตึกอารมณ์แบบสามสิบปีก่อนเลย ไอ้ที่โกงสร้างโรงพักใหม่นี่แม่ งเหี้ยมากแทนที่จะให้เขาได้ดีๆห น่อย
- มีคนสั่งข้าวผัดกับโอเลี้ยงมากิ นจริงๆตอนติดคุก ผมได้ยินคนสั่งอยู่- ไปแล้วรู้สึกตำรวจน้อยมาก มีสี่ห้าคนเองคนนั่งรอเป็นสิบ
- ส่วนหนึ่งคงต้องช่วยตัวเอง ตำรวจดูงานเยอะ ถ้าเจอโจรแล้วตอนนั้นล่ะค่อยเรียกตำรวจไปจับ
- ใครใช้ไอโฟน ให้ใส่พาสโคดหน้าจอซะ แล้วไปเปิด find my phone ในicloud จะยังทำให้พอจะตามช่วงแรกๆได้
- เลข imei สำคัญมาก จดเก็บไว้เลย ในกรณีที่โจรเอาเครื่องไปล้างใหม่ ข้อมูลเราจะหายหมดใช้ find my phone ตามไม่ได้ แต่เราจะตามด้วยเลข imei ได้ ตรงนี้ต้องขอเอกสารตราครุฑจากตำรวจ
แล้วไปยื่นที่ฝ่ายกฏหมายสนงใหญ่ของทุกเครือข่าย
เพราะเราไม่รู้ว่าคนเอาไปมันจะใช้ของอันไหน
เอกสารตัวนี้จะทำให้เราขอข้อมูลการใช้งาน โทรออกได้ซึ่งปกติเป็นความลับ
- ในกรณีที่ถอดใจแล้ว เถาเรามีเลขอีมี่นั้นก็สั่งล็อคเลขอีมี่แม่งเลย ไอโฟนก็จะกลายเป็นที่ทับกระดาษ
- คนเรามีปาก จะพูดอะไรก็ได้ แต่เราไม่จำเป็นต้องเก็บมารับฟัง แค่ยิ้มให้แล้วฉากหลบทำหูทวนลมซะ สุขภาพจิตจะได้ไม่เสีย
โดยสรุปแล้วถ้าระบบตำรวจใช้คอมทุ่นแรงแทนกา รนั่งเขียน น่าจะทำให้บริการได้เร็วขึ้น และถ้าเปลี่ยนจากร้องเรียนกับร้ อยเวรคนไหนต้องให้คนนั้นเดินเรื ่องคนเดียว เป็นให้เรื่องเข้าไปอยู่ในระบบแ ล้วตอนนั้นมีใครว่างก็ส่งเรื่อง ให้คนนั่นเอาไปทำต่อน่าจะสะดวกข ึ้นเยอะ บางทีเจอโจรแต่ตำรวจไม่ว่างก็ต้ องรอตำรวจว่างค่อยไปจับโจร
Tuesday, June 11, 2013
Dogcula
ตอนกลับมาแรกๆ คิดไว้ว่าอยากทำงานอะไรที่ใช้การวาด
ง่ายๆคืออยากวาดการ์ตูนนี่ล่ะ ก็ลองดูไปมาจนคิดว่า เออ ทำเคสไอโฟนน่าจะดี
คนทำลายเองยังไม่ค่อยเยอะ ส่วนมากไปซื้อมาขายกัน
เลยเริ่มจริงจัง ไปซื้อเครื่องมาทำ ออกแบบคาแรกเตอร์
แต่มันใช้เวลาทำให้มันออกมาดีนานพอควร ทำให้เวลาที่จะวาดกลับน้อยลง
ทำได้อยู่พักนึง มีรายได้จากคนรู้จักนิดหน่อย แล้วก็หยุดทำ
พักไปทำงานฟรีแลนซ์พวกเกมเหมือนเดิม คิดว่าเป็นงานที่เราทำออกมาแล้วดีพอควร
แถมมีงานมาเรื่อยๆ จนไม่ได้แตะการทำเคสอีกเลย
แต่เอาเถอะ เดี๋ยวถ้ามีเวลาจะกลับมาทำใหม่
ตอนนี้ขอโชว์บางส่วนหน่อยละกันนะ
Wednesday, June 5, 2013
Freelancer's life
I 've been back for almost 6 months, after living aboard for 6+ years.
I did a few freelance job and still work on some at the moment as well.
So far it's kinda ok, everything has cons and pros.
There re thing that can do here and can't do over there, vice versa.
Anyway here's what I worked on recently.
Subscribe to:
Posts (Atom)